เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย?

27 ก.ย. 2563 | 00:23 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2563 | 10:10 น.

"อัษฎางค์ ยมนาค" เผย "ทฤษฎีสมคบคิด" พร้อมชำแหละ "เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย?

นาย อัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ ทฤษฎีสมคบคิด..ว่าด้วยเรื่องความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทักษิณชกข้ามรุ่น ... 


มีคำถามว่า  เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย?


คำตอบน่าจะเป็นว่า ...ตลอด 10 กว่าปีที่ทักษิณต่อสู้มา ทั้งจัดหนัก จัดเบา เผาบ้านเผาเมือง จนส่งไม้ต่อสู่พรรคของคนรุ่นใหม่ ก็ไม่เคยสำเร็จ และไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จ ...ทักษิณเป็นนักการเมือง และโดนการเมืองเล่นงาน เป็นหมองูที่ตายเพราะงู 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จุดจบ ‘เครือข่ายทักษิณ’ คุกยาวๆ ไป

รู้จัก “คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร”

“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” จ่อผงาดรัฐมนตรีคลังคนใหม่

ลุ้น 1 ต.ค.“พรรคเพื่อไทย” เคาะกรรมการบริหารชุดใหม่  


การที่ประสบความสำเร็จทางการเมืองอย่างสูง ครองใจคนเกือบทั้งประเทศ นำมาซึ่งหายนะ เพราะเหลิงอํานาจ คิดว่าทำอะไรแล้วใครไม่รู้ทัน หรือถึงรู้ทันก็ไม่มีวันมาทำอะไรได้ เพราะว่าผลงานทางการเมือง และพรรคการเมืองของตนประสบความสำเร็จสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ในนวนิยายสามก๊ก เล่าปี เริ่มต้นจากกองทหารอาสาจำนวนหลักร้อยหลักพัน และชีวิตล้มลุกคลุกคลานนานนับได้ 20 ปี จนมาเจออาจารย์สุมาเต๊กโช ที่แนะนำเล่าปีว่า ถ้าได้ ขงเบ้ง หรือบังทอง คนใดคนหนึ่งมาช่วยงาน ก็จะสามารถรวมแผ่นดินได้


แต่แล้วในที่สุด เล่าปี่ก็ได้ทั้ง ขงเบ้งและบังทองมาช่วยงาน  แต่ทำไมเล่าปี่ถึงไม่ประสบผลสำเร็จในการรวมแผ่นดิน


คำตอบคือ เล่าปี่ มีอุดมการณ์ที่แข็งแรงจนมีหลายครั้งที่ เล่าปี่ ไม่ยอมรับฟังคำแนะนำของยอดกุนซือที่เป็นสุดยอดกุนซือในแผ่นดิน


หลังจากเล่าปี่ได้ขงเบ้งและบังทองมาเป็นที่ปรึกษา กองทัพหลักพันของเล่าปี่ก็ค่อยๆเติบโต และแข็งแกร่งจนมีกองทัพที่มีทหารเป็นล้านคน


เมื่อประกาศสงครามกับโจโฉ ก็รบชนะทุกสนามรบ จนโจโฉเริ่มถอดใจ ขนาดเอ่ยปากกับทหารคู่ใจว่า ตนเองกำลังจะเป็นเหมือนอ้วนเสี่ยว ที่มีทหารนับล้านในกองทัพ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับโจโฉและตายในที่สุด


ในขณะที่ทุกคนในกองทัพเล่าปี่กำลังฮึกเหิม เพราะชนะมาทุกสนามรบ แต่ขงเบ้งยอดกุนซือกลับกระวนกระวายใจว่า เหมือนจะมีลางร้ายบางอย่าง


ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทำให้เล่าปี่และทุกคนในกองทัพฮึกเหิม จนบางคนเหิมเกริมนั้นคือลางร้ายที่ขงเบ้งรู้สึกได้  ในขณะที่เล่าปี่มีสุดยอด 2 กุนซือ โจโฉก็มีสุมาอี้ที่แนะนำในให้ไปขอความช่วยเหลือจากซุนกวน


โดยที่โลซก ซึ่งเป็นกุนซือของซุนกวน ได้สั่งเสียไว้ก่อนตายว่า ถ้าโจโฉแข็งแกร่งกว่า ให้ร่วมมือกับเล่าปี่ สู้กับโจโฉ  แต่ถ้าเมื่อไหร่เล่าปี่แข็งแกร่งขึ้นมา ให้เข้ากับโจโฉสู้กับเล่าปี่ 


เมื่อโจโฉที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดถึงตาจน สุมาอี้ก็แนะนำโจโฉให้ไปขอความช่วยเหลือจากซุนกวน ซึ่งเข้าล็อคที่โลซกเคยสั่งเสียไว้ก่อนตาย  โจโฉและซุนกวนที่เคยเป็นศัตรูกันก็ร่วมมือกันตีเล่าปี่จนเล่าปี่พ่ายแพ้และตายในที่สุด


นิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ชิงไหวชิงพริบในกลยุทธ์ทางการเมืองเรื่องสามก๊กนี้ สอนเราว่า มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ คนที่ประสบความสำเร็จไปถึงจุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วก็จะพายแพ้ร่วงลงมาด้วยตัวเองเสมอ


อ้วนเสี่ยว โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน หรือแม้แต่กวนอู จิวยี่ ล้วนตายเพราะทนงตัวว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่หาใครเทียบเทียม ซึ่งล้วนพ่ายแพ้เพราะแพ้ภัยตัวเองทั้งสิ้น


ส่วนผู้ชนะตัวจริงกลับเป็น สุมาอี้และครอบครัว ซึ่งเป็นคนที่ทำตัวโลโปรไฟล์มาตลอดเรื่อง จึงไม่เคยฮึกเหิม และเหิมเกริมจนลืมตัว แล้วสุดท้ายกลายเป็นผู้ชนะที่ได้รวบรวมและครองทั้งแผ่นดิน
 

ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เคยประกาศว่าจะเป็นรัฐบาลไปอีก 12 ปี แต่ยังไม่ถึงครึ่งทางก็แพ้ภัยตัวเอง
ผมขอย้ำว่า”ทักษิณไม่ได้แพ้ใคร แต่แพ้ภัยตัวตัวเอง” แต่ทักษิณเข้าใจว่าตนเองแพ้สถาบันพระมหากษัตริย์  ทั้งๆ ที่เขารบอยู่กับการเมือง แต่คิดข้ามช็อตไปว่า ตนเองรบอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ที่อยู่เหนือการเมือง


เมื่อรบกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาสิบกว่าปี จึงเริ่มคิดได้ว่า รบจนตาย ก็ไม่มีวันชนะ เพราะศัตรูตัวจริง ไม่ใช่สถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง แต่ทักษิณคือนักการเมืองที่รบกับการเมือง


คุณผู้อ่านเข้าใจใช่มั้ย  วันนี้ทักษิณตาสว่างแล้ว ทักษิณเข้าใจแล้วว่า การชกข้ามรุ่น ไม่มีวันชนะ  แต่ลูกสมุนรุ่นลูก ยังไม่เข้าใจ


ธนาธรเป็นเพื่อนกับพานทองแท้ และธนาธรเคยประกาศจะพาทักษิณกลับบ้าน ธนาธรจึงสร้างกองทัพสีส้มขึ้นมาเพื่อจะเอาทักษิณกลับบ้าน


วันที่ธนาธรโดนศาลตัดสินยุบพรรค เขาประกาศว่าจะลงถนน ไปต่อสู้บนนถนน ซึ่งเป็นวิถีที่เขาและพรรคพวกถนัด  ทำให้เราได้เห็นกองกำลังที่เขาปลุกปั้น ปลุกปั่นขึ้นมา ก่อม็อบบนท้องถนนตลอดมานับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ


และธนาธรกับพวกพวกก็ทำแบบเดียวกันกับทักษิณ ที่ชกข้ามรุ่น เพราะเข้าใจผิดว่า ศัตรูของตนเองคือสถาบันพระมหากษัตริย์ 
ทั้งๆ ที่ตนเองและพรรคพวกคือนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ควรจะต่อสู้กับคนที่เล่นการเมืองด้วยกัน ไม่ใช่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ที่ทรงอยู่เหนือการเมือง


หลังจากคิดจะทำสงครามกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาสิบกว่าปี วันนี้ทักษิณตาสว่างแล้วว่า รบไปยังไงก็ไม่มีวันชนะ  จึงมีภาพข้างล่างนี้เกิดขึ้น 

 

ต้องรอดูว่าเมื่อไหร่ ธนาธรและพรรคพวกจะตาสว่าง


หรือไม่ก็อาจจะรอจนถึงวันที่ไม่มีแผ่นดินสักสิบยี่สิบปีก่อน จึงจะเข้าใจ เหมือนอย่างที่ทักษิณเข้าใจ


อ่านมาจนจบแล้ว อย่าลืมว่าหัวข้อคือ ทฤษฎีสมคบคิด