กระทบจิตใจประชาชน จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

15 ตุลาคม 2563 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล กล่าวถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีการประกาศออกมา 4 ฉบับซึ่งมีเหตุผลความจำเป็นเพื่อความสงบเรียบร้อยในประเทศและในพื้นที่กรุงเทพฯ และเพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ทั้งนี้ เพราะเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อจิตใจของพี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมาก คือ การกระทบกับขบวนเสด็จพระราชดำเนินและมีการก้าวล่วงสถาบัน มีการใช้วาจาปลุกปั่นจึงไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้าของคนไทยด้วยกันเองที่มีความคิดแตกต่างกัน เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่แสดงท่าทีว่า ไม่ต้องการให้มีการก้าวล่วงสถาบัน และไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

"แรมโบ้"กระตุกจิตสำนึก "ธนาธร"อดีตเคยโกหกปัจจุบันก็ไม่เปลี่ยน

"สาธารณสุข" พร้อมรับ "ม็อบ 14 ตุลา" นัดชุมนุมแยกราชประสงค์

นายกฯเรียกประชุมด่วน ครม.นัดพิเศษ

พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ ค้านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 

รัฐบาลจึงจำเป็นต้องรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจึงขอความร่วมมือประชาชนให้มีความระมัดระวังจากนี้ไป

ทั้งนี้ เพราะคำสั่งที่ประกาศออกมาทั้ง 4 ฉบับนั้น มีข้อกำหนดในรายละเอียดเช่นการห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่5 คนขึ้นไป หรือห้ามการยุยงปลุกปั่น รวมถึงการนัดชุมนุมที่ราชประสงค์ในเย็นนี้ด้วย ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของประกาศฉบับนี้

รวมทั้งให้ระมัดระวังการเผยแพร่ข่าวสารข้อความที่บิดเบือนหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดและกระทบความมั่นคงของรัฐ โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดีย การโพสต์ข้อความและการแสดงความคิดเห็นที่จะถูกกฏหมายควบคุมดูแล หากผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องดำเนินการ
 

รวมทั้งการกำหนดพื้นที่ในหรือนอกอาคารสถานที่ต่างๆเส้นทางคมนาคม การใช้ยานพาหนะตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบกำหนด เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของคนเห็นต่าง
และต้องการให้เคารพสิทธิเสรีภาพของส่วนรวมและเป็นสถานการณ์ที่ต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดของโควิดฯ รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ออกมานั้น จะไม่เป็นผลสำเร็จหากความสงบเรียบร้อยไม่เกิดขึ้นในประเทศ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนทุกฝากคนช่วยกันเดินหน้าประเทศรวมไทยสร้างชาติร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวฟันฝ่าอุปสรรค โดยรัฐบาลพร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภายใต้กรอบกฎหมาย