ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้สมาชิกภาพส.ส.ของ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่สิ้นสุดลง อันเนื่องมาจากต้องคำพิพากษาศาล จ.นครศรีธรรมราช ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา จากกรณีร่วมกระทำผิดทุจริตเลืกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557
ส่งผลให้ต้องมีการเลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างลง ภายใน 45 วัน จึงคาดว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะกำหนดให้วันที่ 7 มี.ค.นี้ เป็นวันเลือกตั้ง และให้วันที่ 11-15 ก.พ. เป็นวันรับสมัครเลือกตั้ง
ปชป.ตีกันพปชร.
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาระบุถึงการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง แทน นายเทพไท ว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เพื่อพิจารณาตัวผู้ลงสมัคร ซึ่งพรรคจึงจะเร่งรัดพิจารณาตัวบุคคลที่มีความพร้อม
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุจะพิจารณาส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของท่าน โดยจะต้องมีการคุยกันถึงหลักการอีกครั้งว่า ยังถือปฎิบัติหรือไม่ ว่าหากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพื้นที่เดิมเป็นของใครก็จะให้เกียรติกัน เนื่องจากเป็นหลักการที่ถือกันมาโดยตลอด
“ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ในเขตพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคร่วมรัฐบาล หากเดิมเป็นพื้นที่ของพรรคไหน พรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากถือปฏิบัติกติกานี้มานาน และเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จึงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้” นายนิพนธ์ ระบุ
การเกิดกระแสพรรคร่วมรัฐบาล แย่งกันส่งคนลงสมัครชิงส.ส.นครศรีธรรมราช เพราะจะเป็นการเพิ่มจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ให้พรรคตัวเอง ในขณะที่ “ประชาธิปัตย์” ก็ต้องการรักษาเก้าอี้เดิมไว้ จึงเกิดปรากฏการณ์ ออกมาแถลงข่าวกดดันพรรคพลังประชารัฐ ให้ทบทวนการส่งผู้สมัครลงแข่ง เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน รวมถึงออกแนวทวงบุญคุณ ที่การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ส่งลงแข่งกับพรรคร่วมรัฐบาล
ด้านนายเทพไทได้เสนอ นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายลง ส.ส. เพราะเห็นว่า เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ โดยพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร ให้ยื่นใบสมัครหรือแสดงเจตจำนงต่อคณะกรรมการสรรหา ที่มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นประธาน เพื่อนำรายชื่อเข้าสู่กระบวนการทำไพรมารี่โหวตจากสมาชิกพรรคในเขตเลือกตั้งที่ 3
ย้อนผลเลือกตั้งส.ส.เขต 3
สำหรับการเลือกตั้งส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ซึ่งประกอบด้วย อ.พระพรหม อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชะอวด และ อ.จุฬาภรณ์ นายเทพไท เสนพงศ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ชนะเป็นอันดับ 1 ได้ 33,310 คะแนน
ตามมาด้วย นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ ได้ 28,742 คะแนน ว่าที่ ร.ท.สนั่น พิบูลย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ 15,490 คะแนน นายนรินทร์ เหลือสม พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนน 11,754 คะแนน นายชยุต หนูสาย พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 3,323 คะแนน และ นายจำเริญ เสนากัลป์ พรรคเสรีรวมไทย ได้ 1,370 คะแนน
พรรคกล้าส่ง “สราวุฒิ” ชิง
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้เปิดตัว นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ในนามพรรคกล้า
สำหรับ นายสราวุฒิ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีบทบาทสำคัญในการส่งเครื่องถมเครื่องเงินของนครศรีธรรมราช ส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ
นายกรณ์กล่าวว่า การเปิดตัวผู้สมัครครั้งนี้ มีความหมายของพรรค เป็นโชคและเป็นเกียรติ ที่ได้แนะนำตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคกับชาวนครศรีธรรมราช และคนไทย ซึ่งพรรคกล้าตั้งใจทำให้ชาวนครศรีธรรมราชทุกคนอยู่ดีกินดี มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ส่วนเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ และยังมีพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงพรรคภูมิใจไทย ส่งผู้สมัครชิง จะสู้ได้หรือไม่ นาย กรณ์ ยืนยัน พรรคกล้าลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค และเมื่อปรากฏสัญญาณว่าจะเลือกตั้งซ่อม ว่าที่ผู้สมัครก็ได้ลงพื้นที่และฝังตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 และช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่
“ยืนยันว่าพรรคกล้ามีโอกาสลงพื้นที่ได้เข้มข้นกว่าหลายพรรค และการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ พร้อมสู้ทุกพรรค เพราะมั่นใจในตัวผู้สมัคร และตัวคนนครศรีธรรมราช”
มีคนในใจลงผู้ว่าฯกทม.
เมื่อถามว่าหลายพรรคส่งตัวผู้สมัครที่เป็นคนในพื้นที่เดิมและมีประสบการณ์ด้านการเมือง แต่พรรคกล้ากลับส่งผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้าเป็นพรรคของคนทุกวัย เชื่อว่าสังคมจะเดินหน้าไปได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าที่ผู้สมัครจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เชื่อว่าคนอยากเห็นการ เมืองแนวใหม่ที่สร้างสรรค์ และมีประสบการณ์สร้างเนื้อสร้างตัวและทำมาหากินมาเป็นผู้แทนเพื่อสร้างโอกาสให้ชาวนครศรีธรรมราช จึงไม่คิดว่า คะแนนของพรรคกล้าคงไม่ใช่มาแค่คนรุ่นใหม่เท่านั้น
ส่วนการส่งตัวผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์ ยืนยันว่า พรรคกล้าพร้อมสู้ทุกเวที และเมื่อถึงเวลาก็พร้อมที่จะเปิดตัว โดยที่ขณะนี้มีคนในใจแล้วแต่ขอยังไม่เปิดเผย ซึ่งเวลานี้เตรียมตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ มหานคร (สก.) ไว้เกือบครบแล้ว และจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ แต่เป้าหมายสำคัญเวลานี้ คือ การเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,649 หน้า 12 วันที่ 31 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2564