วันที่ 12 ก.พ. 64 นางสาวอัญชลี อริยกิจเจริญ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี สัมภาษณ์พิเศษเปิดใจ "บิ๊กป้อม" หรือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่ของ 3 ป. โดยมีเนื้อหา ดังนี้
อยากให้ท่านเล่าความผูกพัน พี่น้อง 3 ป. (พลเอกอนุพงษ์ พลเอกประยุทธ์) ทำไมถึงรักกันมาก
พลเอกประวิตร : ก็เราอยู่ด้วยกันมาตลอดนะ ผมมาเป็นผู้บังคับกองร้อย อนุพงษ์เป็นรองผู้บังคับกองร้อย ประยุทธ์เป็นผู้หมวด ก็อยู่ในกองร้อยเดียวกันแล้วก็กินนอนด้วยกัน แล้วก็อยู่ด้วยกันมาตลอด ก็รู้จักนิสัยใจคอซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ก็คบกันมารู้ว่าทั้ง 2 คน มีนิสัยเป็นยังไง
เคยโกรธกันไหมคะ
พลเอกประวิตร : ไอ้โกรธมันจะไปโกรธกันยังไง ไม่เคยโกรธกันเลย ทะเลาะกันอย่างนี้หรอ จะทะเลาะกันเรื่องอะไร
อาจจะคุยกันแล้วความเห็นไม่ตรงกัน หรือน้อยใจนิดนึง
พลเอกประวิตร : อันนี้มันเป็นเรื่องความเห็น เดี๋ยวนี้ก็เป็นความเห็นไม่ตรงกัน มันไม่มีปัญหาหรอก แต่ไม่ได้เอาอารมณ์ มาเกี่ยวข้องเป็นเรื่องของเหตุผล ที่เราจะคุยกัน
ท่านรองเคยให้สัมภาษณ์อยู่หน้าตึกที่ทำเนียบ แล้วนายกฯเดินออกมาก็เดินมาแซวท่านรอง คว้าไมค์นักข่าวมาถามท่านรอง วาท่านมีอะไรจะพูดไหม แล้วนายกฯก็หัวเราะเอง ท่านรองก็หัวเราะ ทำให้คนเห็นว่าเป็นความสนิทกัน ของพี่กับน้อง
พลเอกประวิตร : สนิทกัน สนิทกันมากก็เราอยู่นอนบ้านเดียวกัน โตมาด้วยกัน เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ก็คุยกันมา ก็สนิทสนมกันมาตลอดทั้งสามคน
ไม่มีปัญหากัน เหมือนที่เวลาเขาเขียนข่าว ในทำนองท่านรอง น้อยใจนายกฯ งอนกัน
พลเอกประวิตร : โอ๊ยไม่มี ไปเขียนเองทั้งนั้นน่ะ เขียนเองทั้งนั้น ไม่มีหรอกผมจะไปน้อยใจอะไร เราก็รู้ตัวว่าขณะนี้เราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเขาทำงานคนละแบบ เขาเป็นผู้บังคับบัญชา เขาก็มีอำนาจสั่งการเอง จะเอายังไงก็เขาเป็นผู้รับผิดชอบใช่ไหม เราก็เป็นผู้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรหรอก ไม่มีงอนหรอก ไม่มีทะเลาะกัน ทุกคนแหละ ป๊อกก็ไม่มี
วันนี้มีอะไรเป็นห่วงท่านนายกไหม
พลเอกประวิตร : ไม่ห่วงอ่ะ เขาทำงานเต็มที่ ที่นักข่าวเขียนผมว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งนั้น
อย่างเช่น ยังไงคะ
พลเอกประวิตร : อ้าวทุกเรื่องอ่ะ เรื่องอะไร เรื่องเขาทำงาน เขาเสียสละทุกอย่างนะเขาเสียสละให้กับประเทศชาติให้กับประชาชน เขาเสียสละทุกเรื่อง ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ห่วง อย่างอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ถามมาก็ตอบไป เรื่องจริงเป็นยังไงก็ตอบไป ก็ไม่เห็นมีอะไร เพราะเราไม่มีทุจริตไม่มีอะไรต่างๆเลย
ท่านรองรู้สึกอย่างไรกับข้อกล่าวหา ที่ถูกหาว่า ท่านรองเป็นผู้มีอิทธิพล
พลเอกประวิตร : เป็นผู้มีอิทธิพลนี่หมายถึงอะไร เป็นผู้ที่มีมือปืนหรอมีบ่อนการพนันหรอผมก็ไม่เคยไปยุ่งอะไร แต่ผมมีลูกน้องเยอะ เติบโตมาเป็นผู้หมวด ผู้กอง ผู้พัน ผู้การ ผบ.พล แม่ทัพ ลูกน้องเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วผมเป็นคนสนิทกับลูกน้อง ลูกน้องเขามาหา ผมไม่มีอะไรไม่เป็นอะไร เขาก็มาหา มาเยี่ยมเยียน ทุกคนที่ผมรู้จักภายนอกก็เหมือนกัน ก็มาหากันทั้งนั้นแหละ แล้วผมเป็นผู้มีอิทธิพลยังไง แล้วหน้าที่ผมไม่มีอะไร หน้าที่ผมก็ช่วยเหลือนายกในการทำงานให้ลุล่วงทุกเรื่องที่ผมสามารถพูดได้
ก็จะได้เคลียร์ตรงนี้เพราะหลายคน จะมีข้อกังขาเเบบนี้
พลเอกประวิตร : กังขาเรื่องอะไร ไม่เห็นน่ากังขาเลย
ท่านรองอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน มีหลายคนอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ท่านรองจะวางมือ หรือว่าจะพัก
พลเอกประวิตร : ก็ไปไม่ไหวก็เริ่มพัก ตู่ออกก็พัก
แต่ถ้าท่านนายก อยู่ต่อยาวก็..
พลเอกประวิตร : ถ้านายกอยู่ต่อ เขาอยากให้ผมช่วยผมก็ช่วย คืออยู่ที่ตู่อ่ะ ข่าวนี้อยู่ที่เขา เขาก็รู้ว่า สภาพร่างกายผมเป็นยังไง
ทุกวันนี้ถ้าให้ท่านรองประเมิน สภาพร่างกายของตัวเอง ในการทำงาน มีกี่เปอร์เซ็นต์
พลเอกประวิตร : ผมทำงานด้านสมอง ทำงานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทำงานด้านร่างกายได้สัก 50-60% มั้ง
ตอนนี้มีผลงานอะไรที่อยากจะทำแต่คิดว่ามันยังไม่เสร็จ
พลเอกประวิตร : ก็ทำงานให้กับประชาชน ให้อยู่ดีกินดีทำเรื่องที่ดิน ทำเรื่องน้ำ ทำเรื่องหนี้นอกระบบ เรื่องที่อยู่อาศัยของประชาชน ค้ามนุษย์ เรื่องประมงผิดกฎหมาย เรื่องพวกนี้ผมทำมาทั้งนั้น แล้วก็ยังทำอยู่
เวลาที่ท่านรองไปแจกโฉนดคืนชาวบ้านเรื่องหนี้นอกระบบ เวลาที่ชาวบ้านมากอด มาร้องไห้ ขอบคุณรู้สึกอย่างไร
พลเอกประวิตร : ก็ดีใจกับเขา ที่เขาได้โฉนดคืน ก็ยังบอกเขาเลยว่าได้ไปแล้วอย่าไปจำนองอีกนะ สำคัญที่สุด กว่าจะได้คืนมาบางคนเป็น 10 กว่าปี บางคน 3 ปี บางคน 5 ปี บางคน 8 ปีบางคนทีเดียว แล้วไม่มีเงินผ่อนเป็นหนี้เยอะมากนะ หนี้นอกระบบเนี่ย ผมทำมาเป็นหลายหมื่นคน แล้วทุกวันนี้ก็ยังทำต่อ
มีอะไรที่อยู่ในใจ อยากจะทำอยากจะพูดอะไรไหม
พลเอกประวิตร : ไม่อยากจะพูดแต่อยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี อยากเห็นประเทศชาติ เลิกทะเลาะกัน ให้นักข่าวเขียนข่าวดีๆ เขียนแต่เรื่องความจริง ไปเขียนไปถามให้เขาตีกัน...
เคยคิดไหมว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พลเอกประวิตร : ไม่เคยไม่เคยคิดมันตกกระไดพลอยโจน
ตอนนี้ก็ตกมานานเเล้วเหมือนกัน ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง
พลเอกประวิตร : ก็เฉยๆ ผมก็พร้อมที่จะออกด้วย พร้อมที่จะเป็นต่อ แล้วแต่ลูกพรรค
รู้สึกว่ามันมีปัญหาปั่นป่วนภายในพัก เหมือนที่ข่าวออกไหม
พลเอกประวิตร : ไม่มีหรอกคิดไปเองทั้งนั้นปั่นป่วน คนเดียวบางทีพูดอะไรนิดหน่อยก็เอาและ เกิดแตกแยกในพรรค โอ๊ย เขียนอย่างนี้ไม่ได้ประโยชน์ ใช่ไหมได้ประโยชน์ไหม พรรคมีสามก๊กมันใครกันสามก๊ก มีที่ไหนสามก๊ก มีก๊กเราก๊กเดียวนี่แหละ พลังประชารัฐไม่มี
ถ้าเทียบการทำงานระหว่าง ชีวิตความเป็นทหาร กับชีวิตการเป็นนักการเมือง เป็นรองนายกรัฐมนตรีมา อันไหนลำบากกว่ากัน
พลเอกประวิตร : คือผมชอบการเป็นทหาร แล้วก็คิดว่าจบจากเป็นผบ.ทบ.แล้ว ก็จะไม่เล่นอะไรแล้ว แต่ก็ต้องตกกระไดพลอยโจน ก็ป๊อก ตู่นี่แหละ ให้ผมเป็นรัฐมนตรีกลาโหมเนี่ย เชียร์อย่างเดียวเลย ตั้งแต่ปี 51 แล้วเป็นมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
มีโอกาสที่ท่านรองจะกลับไปดูแลกระทรวงกลาโหมอีกไหม
พลเอกประวิตร : ไม่ไปแล้วเดินไม่ไหว ก็ผมเดินไม่ไหว แล้วเขาต้องแต่งเครื่องแบบกัน เดิน ผมแย๊กๆอยู่คนเดียว น่าเกลียดนะ
ทุกวันนี้ภาระที่เป็นรองนายกก็เยอะอยู่แล้ว
พลเอกประวิตร : เยอะอยู่แล้ว
ใน 1 วัน มีเวลาพัก ที่เป็นส่วนตัวของตัวเองเยอะไหม
พลเอกประวิตร : ตอนนี้แขกมันเยอะนะ มีทั้งนักการเมือง มีทั้งคนที่มารู้จัก คนที่มาหา ก็อย่างนี้ก็หาว่าผู้มีอิทธิพล เขาก็มาเล่าเรื่องอะไรของเขา มาคุยให้ฟัง ผมแก้ปัญหาได้ก็แก้ไปแก้ไม่ได้ก็ไม่เเก้ ก็ทำไปตามธรรมดานี่แหละ
รู้สึกอย่างไรเวลาที่มีปัญหา ทุกคนก็จะวิ่งเข้าหาท่านรองก่อน เพราะคิดว่าพึ่งพาท่านรองได้
พลเอกประวิตร : ก็นี่ไงหาว่าผมเป็นผู้มีอิทธิพล ที่มาก็มาหาให้ผมช่วยทั้งนั้นแหละ อย่างนี้ผู้มีอิทธิพลยังไง หา
น้อยใจกับคำนี้ ไหมคะ
พลเอกประวิตร : ไม่น้อยใจ มันก็เขียนไปอย่างนั้นแหละ
คือเราเจออะไรมาเยอะแล้ว เลยไม่ค่อยรู้สึก
พลเอกประวิตร : ไม่ค่อยรู้สึกอ่ะ เพราะผมผ่านประสบการณ์อะไรมาเยอะ ก็รับราชการมา 55 ปี ตั้งแต่ร้อยตรีจนกระทั่งเป็นอย่างนี้ 55 ปีนะ