ได้ยินข่าวทางทีวีเมื่อคืนวันอังคารที่ 15 มิถุนายน นี้ว่า ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทุกหน่วยศึกษาหาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องหนี้ของประชาชนทั้งประเทศให้เสร็จเสนอมาภายใน 6 เดือน ผมถึงกับขำจนหัวใจแทบสลายเสียเหลือเกิน
ที่ขำมากก็เพราะนึกถามตัวเองว่า คนสั่งรู้จักหนี้ของประชาชนคนไทยแค่ไหน หนี้แต่ละตัวมีที่มาตั้งแต่อดีตอย่างไรบ้าง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของรัฐเขาได้ดูแลแก้ไขกันอย่างไรบ้าง นับตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งดูแลรับผิดชอบหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 89.3% ของ GDP เขาดูแลหนี้ครัวเรือนกันมาอย่างไร ในรอบปีที่ผ่านมาเขาได้ออกมาตรการแก้ไขอะไรบ้าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. ที่ดูแลหนี้เกษตรกรที่ไม่มีใครอยากจะแก้ไขแล้ว ทำงานเรื่องนี้กันมากน้อยแค่ไหน กระทรวงศึกษาธิการและธนาคารออมสินที่ดูแลหนี้ครูที่เอาแต่กู้เพิ่มรอบแล้วรอบเล่า 4-5 ปีครั้ง ทำให้หนี้ทั้งต้นและดอกมีแต่ปรับตัวสูงขึ้นจนครูรุ่นปู่รุ่นพ่อรุ่นแม่ตายไปก็ยังใช้หนี้ไม่หมด ได้มีแผนที่จะแก้ไขบ้างหรือไม่
ไม่ใช่เฉพาะส่วนราชการเท่านั้นที่เอือมระอากับหนี้ภาคประชาชนคนไทยที่เพิ่มขึ้นไม่รู้จักลด ภาคเอกชนโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ต่างก็ต้องเหนื่อยยาก กับหนี้ของลูกค้าชั้นรากหญ้าและผู้หาเช้ากินค่ำ นับตั้งแต่หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินผ่อนบ้าน คอนโด รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เป็นต้น ทุกธนาคารต่างรู้ดีว่าหนี้เหล่านี้รุนแรงขึ้นจนแทบจะจัดการให้ดีไม่ได้ ทุกธนาคารต่างรู้ดีว่าหนี้เหล่านี้มีปัญหามาตลอด แต่ช่วงที่รุนแรงลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายก็เป็นช่วง 7 ปี ที่ผู้สั่งให้แก้ไขหนี้คนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ หนี้ส่วนใหญ่คือ หนี้ของ SME ทุกสถาบันการเงินต่างก็รับรู้อยู่แล้วว่าต้องช่วยกันแก้ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ทราบว่า หนี้ของ SME ที่ยังพอจะรอดต่างก็ได้รับการยืดระยะชำระหนี้คืน เช่น จากผ่อนชำระเงินต้น 7 ปี ก็ให้ยืดไปเป็น 12 ปี หรือ 14 ปี แล้วแต่กรณี ยืดต้นแล้วยังให้เงินกู้เพิ่มแล้วลดดอกเบี้ยให้อีก ซึ่งทั้งกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยต่างก็สนับสนุนในแนวทางนี้อย่างดี แต่ธุรกิจผู้เป็นหนี้ก็ไม่รู้สึกว่าพอ เพราะใครๆก็รู้เห็นอยู่ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นช้ามาก ยิ่งดูรัฐบาลนี้บริหารงานแทนที่จะทำให้ประชาชนและนักธุรกิจสามารถหารายได้เพิ่ม แต่ภาวะการณ์กลับตรงกันข้าม จะหาเงินมาแก้ปัญหาปากท้องยังไม่มี แล้วจะหาเงินไปใช้หนี้ได้อย่างไร
เรื่องหนี้ภาคประชาชนและหนี้ SME ของไทยนั้น หนักหนาและฝังรากเหง้าลึกกว่าของประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆมากนัก อย่าว่าแต่ให้เวลาหาทางแก้ไขที่ได้ผล 6 เดือนเลย ให้ 6 ปี ก็ยังหาไม่ได้ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้คนระดับผู้นำจะฟังการชี้แจงของผู้รู้รอบตัวไม่รู้เรื่องได้ยังไง ไม่ประสีประสาขนาดออกคำสั่งแบบนี้ให้ลือลั่นไปอย่างนี้ได้หรือ เป็นไปได้ไหมที่แกล้งทำเป็นโง่แบบขึงขัง เพื่อต้องการดึงเสียงนิยมจากมวลประชาชนที่ไม่ประสีประสาอยู่แล้ว ให้รื่นเริงคุยโวเหมือนได้ดูบอลยูโรยังไงยังงั้น