นายประเสิรฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการยื่น "ซักฟอกรัฐบาล" ว่า แกนนำพรรคเห็นตรงกันที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเดือนสิงหาคมนี้
คาดว่าจะอภิปรายก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 กันยายน โดยจะประสานงานกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เบื้องต้นได้แจ้งแต่ละพรรคทราบแล้ว และเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ และไม่ต้องการปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป เกรงจะเกิดความเสียหายมากขึ้น
พร้อมระบุว่า ก่อนหน้านี้พรรคฝ่ายค้านเคยเสนอแนวทางการแก้ปัญหาและแนวทางแก้ไขต่อรัฐบาลไปแล้ว แต่รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องโควิดและวัคซีนที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับการลงมติที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านยังเป็นรองเรื่องเสียงในสภาผู้แทนราษฎรนั้น เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้ว่า ครั้งนี้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งเศรษฐกิจและมีผู้เสียชีวิต เชื่อว่าหากสภาฯ ได้ฟังเหตุผลการอภิปราย เชื่อว่าสภาฯ จะเห็นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 151 บัญญัติไว้ว่า…
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจํานวนไม่น้อย 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร (98 คน) มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล หรือ ทั้งคณะ
เมื่อได้มีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้ เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ หรือ การลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงตามวรรคสี่
เมื่อการอภิปรายทั่วไปสิ้นสุดลง โดยมิใช่ด้วยมติให้ผ่านระเบียบวาระเปิดอภิปรายนั้นไป ให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติไว้วางใจ หรือ ไม่ไว้วางใจ การลงมติในกรณีเช่นว่านี้มิให้กระทําในวันเดียวกับ วันที่การอภิปรายสิ้นสุดลง
มติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร (244 คน)
รัฐมนตรีคนใดพ้นจากตําแหน่งเดิม แต่ยังคงเป็นรัฐมนตรีในตําแหน่งอื่นภายหลังจากวันที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อตามวรรคหนึ่ง หรือ พ้นจากตําแหน่งเดิมไม่เกินเก้าสิบวันก่อนวันที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อตามวรรคหนึ่ง แต่ยังคงเป็นรัฐมนตรีในตําแหน่งอื่น ให้รัฐมนตรีคนนั้น ยังคงต้องถูกอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจต่อไป