วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่าจะมีการอภิปรายก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 ก.ย. 64 โดยระบุว่าแม้การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิและสามารถทำได้ แต่ตนเองมองว่าในสถานการณ์ประเทศที่กำลังเกิดการระบาดเชื้อโควิด-19 ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
พร้อมมองว่าการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้นก็ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะอยากจะใช้โอกาสนี้นำเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิดไปอภิปราย โจมตีนายกฯ และรัฐบาล
นายเสกสกล ยังระบุว่าหากพรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้าน เห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน ไม่ควรที่จะเล่นแต่ประเด็นทางการเมือง ควรเอาเวลาไปลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจะดีกว่า
“ในขณะที่ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน รวมถึงประชาชน กำลังร่วมมือกันเพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง แต่พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านกลับคิดถึงแต่เรื่องการเมือง อยากเข้ามามีอำนาจ จะตีกินทางการเมือง ใช้โอกาสนี้กล่าวหาโจมตี นายกฯและรัฐบาล ถามกลับว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านควรเอาเวลาไปลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนบ้าง อย่าเอาเวลาการทำงานของนายกฯมาใช้ในสภาเพื่อละเลงน้ำลายในปากอภิปรายบิดเบือนกล่าวหาโจมตีใส่ร้ายป้ายสี ในข้อมูลเก่าๆเดิมๆ ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรใหม่มาอภิปรายเลย ยิ่งจะทำให้เสียดายเวลามีค่าทุกนาทีในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในยามวิกฤตเช่นนี้
"พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านคงกระหายอยากเป็นรัฐบาลมาก อยากมีอำนาจรัฐจนเนื้อเต้นจึงต้องทำทุกวิถีทางจะล้มนายกฯและรัฐบาลให้ได้
อยากเป็นรัฐบาลมากจนเนื้อตัวสั่น ที่จริงควรเตรียมตัวไปหาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไปทำอย่างไรจึงจะให้ประชาชนเลือกตั้งมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่คงจะยากเพราะประชาชนรู้เช่นเห็นชาติพฤติกรรมของพรรคฝ่ายค้านหมดแล้ว คงเหมาะสมที่จะเป็นฝ่ายค้านไปนานๆจะดีที่สุด ประชาชนฝากบอกมาว่าปล่อยให้เป็นฝ่ายค้านจนอกแตกตายไปเลย"