“นิพิฏฐ์”ชี้ชะตา“ผู้กำกับโจ้”รอดหรือร่วงอยู่ที่การทำสำนวนของตำรวจ

27 ส.ค. 2564 | 12:29 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ส.ค. 2564 | 19:36 น.

“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ”ยัน “ผู้กำกับโจ้” รับสารภาพชัด ก่อเหตุลงมือสังหารผู้ต้องหาหวังได้ข้อมูลที่ซ่อนยาเสพติด รอดโทษยาก แต่ขึ้นอยู่กับการสอบสวนและทำสำนวน ประเด็น “รีดทรัพย์” น่าจะหลุด

นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่าน “เนชั่นทีวี” ในประเด็นการต่อสู้คดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” ว่า ถ้าได้ดูข้อหาตามหมายจับ มีการระบุความผิดไว้ครอบคลุมทั้งหมด ทั้งฆ่าโดยการทรมาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมถึงข่มขืนใจให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เวลาฟ้องตำรวจมีความเห็นว่าอย่างไร ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน

 

“ถ้าเราฟังเมื่อคืนนี้ผู้กำกับโจ้ ก็บอกว่าเป็นคนทำจริง ฉะนั้นประเด็นว่าทำหรือไม่ทำจบแล้ว มีประเด็นเดียวที่ทำนั้น ต้องการฆ่าหรือทำร้ายเพื่อให้บอกว่า ของกลางอยู่ที่ไหนเท่านั้น ไม่ซับซ้อนเลย คือ ข้อหาที่ผมบอกว่าไม่ซับซ้อน เพราะเขารับว่าเขาทำจริง แต่พนักงานสอบสวนต้องไปประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมดว่า มันไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย

 

มันเล็งเห็นผลว่าถ้าทำอย่างนี้ เอาถุงดำมาคลุมอย่างนี้ ผู้ต้องหาอาจจะตายได้ ถ้าอย่างนี้ต้องฟ้องข้อหาเจตนาฆ่า แต่ถ้าคิดว่าเป็นการทำร้ายเพื่อรีดให้บอกว่าของกลางอยู่ที่ไหน ไม่ได้มีเจตนาฆ่า มันก็ต้องฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อยู่ที่ข้อเท็จจริงตรงนั้นไม่ซับซ้อนอะไร”

ส่วนกระแสข่าวตอนแรกเหมือนเป็นการรีดเอาทรัพย์ มากกว่าที่จะไปสอบถามว่ายาเสพติดอยู่ไหนนั้น ในตอนแรกเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นการต่อรองระหว่างเงิน 1 ล้าน กับ 2 ล้าน แต่ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตที่ต้องตอบคำถามให้ได้ ว่า พอผู้ตายช็อก ทั้งหมดก็ร่วมกันปั๊มหัวใจ เพื่อให้ฟื้นขึ้นมา เหตุผลตรงนี้ ที่ตำรวจต้องไปสอบจะไปปั๊มหัวใจทำไมถ้าต้องการฆ่า ส่วนที่ “ผู้กำกับโจ้” ให้สัมภาษณ์ ว่าไม่มีการทำบันทึกการจับกุม ทั้งๆ ที่ความจริงต้องมีนั้น ตรงนี้เป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปกปิดการกระทำความผิด

 

ส่วนการที่ผู้กำกับโจ้ อ้างว่าต้องเอาถุงดำคลุมหัวเพื่อกันผู้ต้องหาเห็นหน้านั้น ส่วนตัวเคยทำคดีๆ หนึ่ง เมื่อกว่า 20 ปี เจอเคสลักษณะนี้ มีการใช้ถุงดำ ใส่กุญแจมือ ใช้น้ำราดพื้นให้ผู้ต้องหานั่งแล้วใช้ไฟช็อตที่พื้น จนผู้ต้องหารับสารภาพ ว่ามียาเสพติดในครอบครองจริง แต่ตนก็สู้คดีหลุด เพราะการสอบสวนไม่ชอบ เนื่องจากใช้ไฟช็อตผู้ต้องหา ใช้ถุงดำคลุม แต่ว่าไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวผู้ต้องหาที่ตำรวจไปคลุมเป็นใคร เพราะจำไม่ได้ เพราะมีถุงคลุม แต่ศาลยกฟ้องในคดีนั้นที่สู้

 

“ศาลยกฟ้องว่ามียาเสพติดจริง แต่การสอบสวนไม่ชอบ เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่ว่าผู้ที่มีอำนาจสั่งสำนวน คิดว่าการใช้ถุงดำคลุมหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ผมว่าอันนี้ยากหน่อย เพราะตอนที่เขานำตัวมาถึง สน. มันไม่ได้คลุมหน้ามาตั้งแต่แรก เพิ่งมาคลุมทีหลัง” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ

สำหรับเรื่องการให้สัมภาษณ์ของ “ผู้กำกับโจ้” จะมีผลกับข้อหาจนทำให้โทษไม่ต้องตามที่สังคมตั้งไว้หรือไม่นั้น คิดว่าในขณะนี้ต้องรอผู้สอบสวนจะทำความเห็น แต่ถ้าดูกระแสคิดว่า จะมีการตั้งข้อหาว่าฆ่าผู้อื่น เจตนาฆ่าผู้อื่น ให้ถึงแก่ความตาย ผู้กำกับโจ้ก็ต้องสู้ว่า ทำจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่า มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกา ยแต่ก็ตาย ซึ่งศาลก็ต้องชั่งน้ำหนักว่า ตกลงเจตนาฆ่าตั้งแต่แรก หรือว่าทำร้ายเพื่อให้บอกที่ซ่อนยาเสพติด

 

ส่วนประเด็นที่ “ผู้กำกับโจ้” สั่งให้มีการลบกล้องวงจรปิดทั้งหมดนั้น ก็เพื่อต้องการปกปิดความผิดที่ตนเองก่อขึ้น ถือเป็นอีกข้อหาหนึ่ง แต่อย่าไปกังวล เพราะเรื่องนี้ไม่มีทางจะหลุดรอดไปได้ คือ 1.ได้รับสารภาพแล้วว่าทำจริง 2.ที่ยังไม่ได้พูดถึงกันเลย คือ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อกระทำการอย่างนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับฆ่าผู้อื่น จึงสู้ยากมาก

 

นายนิพิฏฐ์ กล่าวถึงกรณีที่ลูกน้อง “ผู้กำกับโจ้” นายหนึ่งออกมาร้องห่มร้องไห้ พร้อมบอกเหตุผลที่ต้องทำไปเนื่องจากนายสั่ง ไม่เช่นนั้นตัวเองก็จะถูกลงโทษ ซึ่งความจริง ถือเป็นคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย สามารถปฏิเสธได้ แต่ไม่ปฏิเสธ

 

ดังนั้น โทษก็ถือเป็นตัวการ เพราะความจริง ถ้าผู้กำกับโจ้ ทำผิดอย่างนั้น ก็ามีสิทธิ์ที่จะจับผู้บังคับบัญชาได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า แม้กระทั่งจะสั่งให้ช่วย ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเป็นการสั่งให้ปฏิบัติโดยผิดโดยกฎหมาย

 

“เขาไม่ทำ เขารู้สิ่งไหนผิด ไม่ผิด แต่เขากลับทำสิ่งที่ผิด ก็ต้องถือว่าเป็นตัวการ หรือผู้สนับสนุนให้ผู้กำกับกระทำความผิด อ้างไม่ได้” นายนิพิฏฐ์ ระบุ

 

สำหรับประเด็นการ “รีดไถเงิน” ที่มีการพูดชัดเจนว่า มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้นั้น นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า รีดไถเงินเป็นประเด็นตั้งแต่ตอนแรกๆ ที่ได้ยินกันอยู่ว่ามีการรีดต่อรองเรื่องเงินจาก 1 ล้านเป็น 2 ล้าน ตอนแรกได้ยินกันอย่างนั้นตามสื่อ ที่จริงไม่รู้จะสื่อออกมาอย่างนั้น แต่ว่าเมื่อคืนบอกว่า ไม่มีเรื่องเงิน มีเรื่องต้องการทำร้าย เพื่อให้บอกว่ายาบ้าอีกแสนเม็ด หรือ สองแสนเม็ด อยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง ฉะนั้นรีดเอาทรัพย์ก็น่าจะหมดไปได้