“บิ๊กช้าง”โต้ส.ส.ก้าวไกลยันกองทัพไม่เคยทำไอโอ ชี้หนังสือปลอม

01 ก.ย. 2564 | 07:33 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ย. 2564 | 17:15 น.

“พล.อ.ชัยชาญ”โต้ส.ส.ก้าวไกล หนังสือคำสั่งกองทัพภาค 2 ปฏิบัติการไอโอ เป็นหนังสือปลอม ลั่นนายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายบิดเบือน- ให้ร้ายใคร สั่งตรวจสอบแล้ว ปมอมเบี้ย หากผิดจริง ต้องได้รับการลงโทษ

วันนี้(1 ก.ย.64) ในการประชุสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงกรณี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดโปงกระทรวงกลาโหมสนับสนุนงบประมาณ ทำไอโอ ในส่วนกองทัพภาคที่ 2 ว่า ตนเคยชี้แจงในประเด็นดังกล่าวต่อสภามา 2-3 ครั้งแล้ว ในการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรีไม่เคยมีนโยบาย สั่งการให้กองทัพ หรือ กอ.รมนปฏิบัติการด้านข่าวสาร ในลักษณะบิดเบือนหรือให้ร้ายใครทั้งสิ้น

 

แต่ประชาชนคงทราบว่า ปัจจุบันในโซเชียล มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน หรือเฟคนิวส์ ข่าวลวง ข่าวปลอม เพื่อประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ตาม สร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน รวมทั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร และส่งผลกระทบต่อความเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงของประเทศ

 

จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานทุกหน่วยโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้องก้าวทันต่อสถานการณ์มีความติดตามข้อมูล และการเผยแพร่ สิ่งสำคัญคือจะต้องสื่อสารทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ให้กับกำลังพลของหน่วย รวมถึงครอบครัวของประชาชนทั่วไปไม่ทราบว่าสิ่งต่างๆที่ถูกต้องนั้น มีข้อเท็จจริงอย่างไร ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและสามารถสร้างการรับรู้ทั่วไปได้

 

ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยที่ประสานงานในการดำเนินการใน 2 ลักษณะคือ ชี้แจงข้อมูลสู่สาธารณะส่งผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงสร้างการรับรู้และความเข้าใจประเด็นสำคัญต่างๆ ให้กับประชาชน พร้อมกับตรวจสอบข่าวปลอมข่าวบิดเบือนต่างๆ โดยแจ้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

 

โดยสิ่งที่มีการอภิปรายเป็นนั้น หน่วยกองทัพได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เอกสารไม่เป็นเอกสารจริง มีจุดที่รถต่างๆ โดยหนังสือที่นำมาแสดงเป็นหนังสือที่ทำขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม ถึง เดือนกรกฎาคม 2554 หากสังเกตว่าลายเซ็นของแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ในหนังสือทั้ง 2 ฉบับไม่เหมือนกัน

 

ที่สำคัญคือ ฉบับหนึ่งเป็นลายเซ็นของอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนก่อน แต่ภายใต้วงเล็บลายเซ็นนั้นเป็นชื่อของ แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน นอกจากนี้ อดีตผู้อำนวยการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 ที่มีชื่อลงนามในฉบับนี้ ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งใหม่ เมื่อ 1 ปีเศษแล้ว แต่กลับยังปรากฏลายเซ็นอยู่ และลายเซ็นของรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ตรงกับลายเซ็นของจริง รวมไปถึงนามสกุลของแม่ทัพภาคที่ 2 นั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้นถ้าเป็นเอกสารจริง

 

นอกจากนี้ เนื่องคณะกรรมการสารสนเทศ กองทัพภาคที่ 2 มีการเขียนตำแหน่งยศ ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นหนังสือฉบับจริงแล้วการเขียนยศกับตำแหน่ง ควรจะถูกต้อง และที่สำคัญได้ตรวจสอบหนังสือดังกล่าวแล้ว เป็นหนังสือของกองทัพภาคที่ 2 เลขที่หนังสือที่ออกหนังสือถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 มีเลขหนังสือเพียง 851 ฉบับ แต่หนังสือที่ผู้อภิปรายนำมาแสดงมีเลขที่ 1121

พล.อ.ชัยชาญ ระบุด้วยว่า กองทัพบกในฐานะที่เป็นหน่วยที่ได้รับความเสียหาย จะได้ดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินการตามความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

พร้อมย้ำว่า กระทรวงกลาโหม หรือกอรมน ไม่เคยมีนโยบายที่จะให้หน่วยต่างๆไปดำเนินการอะไรที่เป็นเรื่องของการบิดเบือนหรือให้ร้ายกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด การดำเนินการนั้นคือการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

 

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประท้วงตามข้อบังคับที่ 69 โดยระบุว่า ผู้อภิปรายนั้นไม่อยู่ในประเด็น และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังปรึกษากัน ซึ่งส.ส.ของก้าวไกล มีประเด็นคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า มีการอมเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไอโอหรือไม่

 

จึงขอถามสั้นๆ ถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า มีการอมเบี้ยเลี้ยงผู้ปฏิบัติการหรือไม่ เพราะ SMS ที่ส่งมา ยังอยากให้ถามเรื่องเบี้ยเลี้ยง ว่าต้องส่งให้ผู้บังคับบัญชาหรือไม่ตามโครงการคนละครึ่ง ในรูปแบบใหม่ จึงอยากให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงด้วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารที่รับฟังการชี้แจง หรือทางบ้านได้สบายใจว่ามีการอมเบี้ยเลี้ยงให้นายจริงหรือไม่

 

พล.อ.ชัยชาญ ได้ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องนี้ได้สั่งตรวจสอบแล้ว หากมีการผิดจริงก็ต้องได้รับการลงโทษ

 

ก่อนหน้านั้น เมื่อคืนวันที่ 31 ส.ค.64 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายปฏิบัติการไอโอในภาคจบ ว่า จะชี้ให้เห็นถึงความเลวร้ายเปิดให้เห็นถึงตัวบิ๊กบอส ผู้สรรค์สร้างการทำไอโอขึ้นมาเพื่อปกป้องสรรเสริญ เพื่อครองทอดอำนาจให้ยาวนานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังส่งภารกิจต่อให้กับหน่วยงานที่เรียกได้ว่า รัฐซ้อนรัฐและองค์กรภายในที่มีการกระทำที่เรียกได้ว่าเลวซ้อนเลว ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มาได้ถึงทุกวันนี้

 

พล.อ.ประยุทธ์ มีพฤติกรรมในการไหว้วานหน่วยงานต่างๆ ให้พีอาร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อคำยันบัลลังก์อำนาจมาครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้ปฏิบัติการไอโอที่ตนจะกล่าว เพื่อที่จะให้ระบบประยุทธ์ ที่อยู่ในฐานอำนาจ และทลายระบบปรสิตที่กำลังกัดกินสังคม และตนขอเรียกการอภิปรายครั้งนี้ว่าเป็นปฏิบัติการไอโอกินรวบประเทศ

 

นายณัฐชา ได้เปิดคลิปวีดีโอที่อ้างว่า เป็นคลิปหน่วยงานไอโอของกองทัพที่ทำเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชา พร้อมระบุว่า การทำคลิปดังกล่าวเป็นการทำโดยหน่วยงานของกองทัพและคนในกองทัพได้ส่งมาให้ดู ว่าปัจจุบันนี้มีการทำกันอย่างเปิดเผยชัดเจน ถ้าเกิดท่านดูคลิปวิดีโอ คงตั้งคำถามว่าแล้วมันธุระอะไรของสายความมั่นคงที่จะต้องนำกำลังพลนำกำลังเงินไปปกป้อง พีอาร์ประชาสัมพันธ์ให้นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในฝ่ายบริหาร

 

ในคลิปวิดีโอนี้พูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า เราคือนักรบไซเบอร์ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการภารกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเรียกว่า “งานขาว” ต้องอวยการทำงานของนายกฯ “งานเทา” ตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแก้ต่างแทนรัฐบาล และ “งานดำ” คอยปล่อย Hate speech แชร์ Fake News ด้อยค่าผู้เห็นต่างทางการเมืองโดยใช้เพจอวตารไปคอยโจมตี

 

นายณัฐชา อภิปรายว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาดที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น พี่น้องประชาชนทุกทรมานเสียอาชีพเสียชีวิตเสียรายได้ ด้วยการบริหารราชการแผ่นดินของท่านนายกฯ ทำให้คนในกองทัพเองที่รับงานไปที่ไปปฏิบัติ ทนไม่ไหวส่งคลิปมาบอกว่าช่วยจัดการหน่อย แต่ถ้าเกิดท่านนายกฯ อยู่ในสภาแห่งนี้

 

“ผมอยากจะถามตรงๆ มีจิตสำนึกไหม สถานการณ์ตอนนี้ผู้ติดเชื้อร่วมหนึ่งล้านคน มีคนตายรายวันนับหลาย ร้อยคนจนปัจจุบันพี่น้องประชาชนกล่าวขานกันว่าเป็นรัฐบาลหมื่นศพแล้ว อยากจะรู้ว่าท่านรู้สึกอะไรหรือไม่ ผู้นำของกองทัพวันนี้แทนที่จะให้นายทหารถือปืนไปสู้กับอริราชศัตรู กลับให้มาเป็นนักเลงคีย์บอร์ดคอยข่มเหงประชาชน”

 

นายณัฐชา อภิปรายว่า ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ตนไปพบเจอบัญชีทวิตเตอร์รายหนึ่งไม่ทราบว่าของใครกดติดตามผู้อื่นอยู่เพียง 50 คน แต่มีผู้ติดตาม 32,700 คน เมื่อกดไปดูคนที่ติดตาม พบว่า มีครบทุกกรมกองของกองทัพ และคอยเป็นตัวกลาง ตัวการสำคัญที่คอยแชร์ข้อความ Hate speech คอยแชร์เฟกนิวส์

 

นอกจากนี้ยังมีการอบรมศูนย์ปฏิบัติการข่าว มีทั้งระเบียบวาระการประชุม ส่งซิมมือถือให้บุคคลที่จะทำปฏิบัติการไอโอผ่านซองจดหมาย และซื้อกระเป๋าให้คนละใบใส่ซิมเพื่อความปลอดภัย มีการมอบหมายแบ่งเพจเฟซบุ๊คต่างๆ ให้กับหน่วยระดับกรมรับผิดชอบ มอบหมายกันชัดเจนแล้วท่านจะปฏิเสธกลางสภานี้อีกไหมว่า ปฏิบัติการไอโอ เป็นเพียงพีอาร์กองทัพและประชาสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการมอบรางวัลให้กับหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติการข่าวสารเครือข่ายนักรบไซเบอร์ดีเยี่ยมด้วย

 

ส.ส.พรรคก้าวไกล ผู้นี้ระบุด้วยว่า ยังมีการจัดฉากรับเบี้ยเลี้ยงปฏิบัติการไอโอ ที่รับเงินเสร็จต้องส่งคืน พร้อมเปิดคลิปเสียงหน่วยปฏิบัติการไอโอที่ ระบุตอนหนึ่งว่า จะให้เงินเดือนละ 1,500 บาท แต่คำสั่งบอกจะให้วันละ 240 บาท หรือ ราวๆ 7,400 บาท ส่วนที่เหลือเขาบอกผู้บังคับบัญชาขอไว้ รอบนี้ตนไม่มีใบเสร็จ แต่ขอบอกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตนมีใบเบิกของกองทัพ 2 แสนล้านบาท แบบนี้แล้วจะไม่ให้เรียกว่าเลวซ้อนเลว สั่งกันขนาดนี้ยังไม่โกงเบี้ยเลี้ยงอีก