“ไพบูลย์”ปิ๊งไอเดียยกคำสั่งคสช.13/2561 ปลดล็อกไพรมารี่โหวต

20 ก.ย. 2564 | 09:33 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.ย. 2564 | 16:43 น.

“ไพบูลย์”หัวหน้าทีมกฎหมายพลังประชารัฐ ปิ๊งไอเดียแก้กฎหมายลูก 2 ฉบับ ยกคำสั่ง คสช. 13/2561 ปลดล็อกไพรมารี่โหวต 

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมยกร่างแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) 2 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข มาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง ว่า มีประเด็นที่จะเสนอแก้ไขแล้ว แต่ยังต้องรอหารือกับคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง 

 

โดยประเด็นที่จะแก้ไขในร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง จะปรับการชำระค่าบำรุงพรรคของสมาชิกพรรค ให้เป็นครั้งเดียวตลอดชีพ, ปรับแก้ไขในการเลือกตั้งขั้นต้น เพื่อหาผู้สมัคร ส.ส. หรือ “ไพรมารี่โหวต” โดยจะนำความของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 13/2561 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ่มเติม) มาบัญญัติแทนเพื่อให้การคัดเลือกผู้สมัคร เป็นไปตามกระบวนการของพรรคการเมือง เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 2562
 

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ในประเด็นการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ด้วย คือ ข้อกำหนดให้มีตัวแทนพรรคประจำจังหวัด เดิมพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดให้มีตัวแทนประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้ง จึงจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ กล่าวคือ หากจะส่งส.ส.ลงทุก 400 เขต ต้องมีตัวแทนพรรค ที่ประกอบด้วยสาชิกพรรค อย่างน้อย 100 คนทุกเขต เบื้องต้นจะไม่เสนอแก้ไข แต่มีรายละเอียดพิจารณาว่า ตาม คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 13/2561 กำหนดให้มีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดใด ในจังหวัดนั้น สามารถส่งผู้แทนลงทุกเขตเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นเหมือนกับการเลือกตั้ง ปี 2562

 

“ประเด็นตัวแทนพรรคประจำเขตนั้น ยังไม่ฟันธงว่าจะเลือกรูปแบบใด แต่ขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐมีตัวแทนพรรคประจำเขตเลือกตั้ง ทุก 350 เขตแล้ว จึงไม่มีปัญหาหากจะเพิ่มตัวแทนพรรคในเขตเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้น” นายไพบูลย์ กล่าว

เมื่อถามถึงการปรับเนื้อหาของการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีข้อเสนอให้เขียนแบบส.ส.พึงมี หรือ MMP นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในแนวทางจะใช้เหมือนกับการเลือกตั้ง ปี 2554 ที่กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 1% โดยคำคะแนนเฉลี่ยของบัตรบัญชีรายชื่อของทุกพรรครวมกันทั้งประเทศ มาคำนวณหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่แต่ละพรรคได้รับ เช่น การเลือกตั้งปี 2554 คะแนนพรรค ได้รวม 3.5 ล้านคะแนน หากคิดฐาน 1% จะเท่ากับ 3.5 แสนคะแนน ถือเป็นคะแนนที่นำมาคำนวรเป็นส.ส.พึงมีของแต่ละพรรค หากพรรคใดได้คะแนนต่ำกว่า 3.5 แสนคะแนน จะไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ