วันที่ 19 ต.ค.64 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคที่มีชื่อคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และพลตำรวจเอกเพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์นั้น ว่าไม่มีข้อเท็จจริง แต่ระบุเพียงว่าคุณหญิงพจมาน เป็นบุคคลที่คนในพรรคเพื่อไทย เคารพนับถือ นับแต่ยุคสมัยพรรคไทยรักไทย แต่คุณหญิงพจมานไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อ “คุณหญิงพจมาน” มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นตัดทิ้งไปได้เลย
ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายสรชัช ทองเพ็ญ ผู้ประสานงานเครือข่ายธรรมาภิบาลเพื่อการเมืองสุจริต เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร วีดีโอคอลพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเพื่อวางตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่อาจเข้าข่ายพรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลภายนอกครอบงำและแทรกแซงกิจกรรมพรรค ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งหากข้อเท็จจริงปรากฎว่าเป็นไปตามนั้น ถือว่าเป็นเหตุให้สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่
นายสิระ กล่าวต่อว่า การวิดีโอคอลของนายทักษิณดังกล่าว เป็นการแทรกแซง และเป็นการส่งสัญญาณให้รอนายทักษิณส่งหัวหน้าพรรคมา ส่วนตัวจึงตั้งคำถามว่า แล้วนี่ไม่ใช่การครอบงำหรือ ทั้งนี้ ตนได้ปรึกษากับคณะกรรมาธิการการกฎหมายแล้วก็มีความเห็นแตกต่างกัน ทั้งครอบงำและไม่ครอบงำพรรคเพื่อไทย ดังนั้นต้องมาพิสูจน์กัน แต่ส่วนตัวเห็นว่า คนในพรรคเพื่อไทยในวันนั้นรอชื่อหัวหน้าพรรคจากนายทักษิณ ดังนั้น สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เป็น ส.ส.และอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรม ส.ส.ข้อ 19 ที่ต้องไม่คบหากับผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล ผู้มีชื่อเสียงเสื่อมเสีย จึงขอถามว่า นายทักษิณเป็นคนเสื่อมเสียหรือไม่ ทำผิดกฎหมายหรือไม่ และหนีคดีหรือไม่ แต่ ส.ส. กลับไปคบหาสมาคม ดังนั้นจึงต้องยื่น ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเพื่อถอดถอน ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่คบหานายทักษิณ
“ยังเคารพนับถือ ยกย่องนักโทษหนีคดี หนีความผิดโกงบ้านโกงเมือง ถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ แล้วถ้าพิสูจน์ได้ว่า ในวันดังกล่าวมีหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่ในเหตุการณ์ แปลว่า รอรับคำสั่งจากนายทักษิณเพื่อรอรับหัวหน้าพรรคคนใหม่ ไม่ครอบงำ ไม่แทรกแซงได้อย่างไร ก็มาพิสูจน์กันว่ากฎหมายฉบับเดียวกันแต่มองต่างกันโดยความใกล้ชิด ด้วยอคติ ด้วยบุญคุณต่อกันหรือไม่ แต่ผมไม่มีหนี้บุญคุณกับนายทักษิณ งานนี้จึงต้องมาพิสูจน์ว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่รอนายทักษิณส่งมาใช่หรือไม่ เพราะในคลิปนั้นมีความชัดเจน”