เปิดประเทศ 1 พ.ย. รัฐเข้ม 5 มาตรการ "บิ๊กตู่"พร้อมรับ ทั้งดอกไม้และก้อนหิน

27 ต.ค. 2564 | 02:26 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2564 | 10:34 น.

โฆษกรัฐบาลเผย เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ สธ. เตรียมรองรับ 5 ด้าน /กต. เปิดตัว Thailand Pass ขณะที่ “บิ๊กตู่”สั่งเข้มฝ่ายมั่นคงปราบปรามการกระทำผิดทุกรูปแบบ พร้อมจะรับทั้งดอกไม้และก้อนหิน ชี้ทำทุกอย่ายึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ


วันที่ 27 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเดินหน้าเปิดประเทศแบบปลอดภัย (Smart Entry)โดยทยอยเปิดรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำว่า ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามข้อกำหนดแบบไม่กักตัวหรือจำกัดพื้นที่ เริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้ ช่วยทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคัก โดยหอการค้าไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 30,000 ล้านบาท หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการเปิดรับนักท่องเที่ยว สนับสนุนให้ GDP ไทยปีนี้ เติบโต 1-1.5%  ด้วย


ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลสร้างแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Thailand Pass เพื่อขอรับเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Thailand Pass QR code) เริ่ม 1 พฤศจิกายน นี้  ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการอนุมัติที่ไม่จำเป็น ทำให้นักท่องเที่ยว/นักธุรกิจ ที่จะเดินทางมาเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในไทยได้รับความสะดวกมากขึ้น

เปิดประเทศ 1 พ.ย. รัฐเข้ม 5 มาตรการ \"บิ๊กตู่\"พร้อมรับ ทั้งดอกไม้และก้อนหิน

 

นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการจัดทำแผนรองรับนโยบาย “เปิดประเทศใน 120 วัน” เตรียมแผนรองรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ ครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่

 

1.การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนก่อนเดินทาง ขั้นตอนการตรวจสอบที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการเดินทางจากท่าอากาศยานจนถึงโรงแรมในลักษณะปิด (Sealed Route) การตรวจหาการติดเชื้อในประเทศ เพื่อมั่นใจว่าผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านกระบวนการและไม่มีการติดเชื้อ อีกทั้งมีความปลอดภัยเมื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย 

 

2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้เดินทางเข้าในประเทศอย่างรวดเร็วแม่นยำ และการตรวจสายพันธุ์กลายพันธุ์

 

3.มาตรการ COVID Free Setting ในสถานประกอบการพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus มีใบรับรองและ QR Code ที่ให้ประชาชนสแกนเพื่อตรวจสอบและประเมินร้องเรียนได้ มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์

 

4.การแพทย์และสาธารณสุข โดยปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ให้สถานพยาบาลประเมินตนเอง พร้อมเข้าสู่การแพทย์วิถีใหม่ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล

5.เวชภัณฑ์และการส่งกำลังบำรุง ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์ 26.2 ล้านเม็ด ยาเรมเดซิเวียร์ 74,284 ขวด และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ภาพรวมคงคลังประมาณ 3-6 เดือน และจัดหายาและเวชภัณฑ์เพิ่มเติมต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังกำชับให้หน่วยความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ลาดตระเวร เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนแบบเข้มงวดสูงสุด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ รวมทั้งจับกุมแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมายด้วย ขณะเดียวกัน ก็เร่งกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19  ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตามเกณฑ์ทุกจังหวัดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันหมู่ภายในพื้นที่

 

“นายกรัฐมนตรีย้ำมาตลอดว่า การเปิดประเทศแบบเป็นขั้นตอน ตามช่วงเวลา นี้   คำนึงสถานการณ์การแพร่ระบาดต้องทรงตัว   ขีดความสามารถและความพร้อมของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งการป้องกัน ควบคุมและรักษา และนำร่องในพื้นที่จังหวัดที่มีความพร้อมก่อน  ซึ่งภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านค้า ให้ความร่วมมือดำเนินธุรกิจแบบปลอดภัยตามมาตรการของรัฐบาล เช่น มาตรการ SHA+ และ COVID Free Setting  การตรวจ ATK  มาอย่างต่อเนื่อง  จึงอยากเชิญชวนประชาชนคนไทยช่วยสนับสนุนและส่งกำลังใจในการทำงานของรัฐบาลในเวลานี้  ด้วยการดำเนินชีวิต  “วิถีใหม่”  ยึดหลักอนามัยส่วนบุคคลแบบครอบจักรวาลอย่างเคร่งครัด เพื่อนำประเทศไปสู่การเปิดประเทศ แบบปลอดภัย” โฆษกรัฐบาล กล่าว
 

นายธนกร ยังกล่าวแสดงความผิดหวังกรณีส.ส. ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยที่ได้ออกมาให้ข่าวท้าทายให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ แล้ว พบว่า ประชาชนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นว่า เป็นคำกล่าวไม่สร้างสรรค์ เป็นการท้าทายแบบเด็กเล่นขายของ  ท่านนายกรัฐมนตรี เมื่อประกาศนโยบายก็พร้อมที่จะรับทั้งดอกไม้และก้อนหิน เพราะทำทุกอย่ายึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาท่านก็รับฟังข้อเสนอและคำวิจารณ์ต่างๆ   และเดินหน้าทำงานต่อ เพราะในฐานะหัวหน้ารัฐบาล หน้าที่ของท่านคือ การบริหารประเทศ ที่ต้องพาคนไทยร่วม พลิกโฉมประเทศ ส่งต่อประเทศที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป