“ไทยสร้างไทย”ห่วงปัญหาราคาข้าวตกต่ำจี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

11 พ.ย. 2564 | 13:18 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2564 | 20:28 น.

“ไทยสร้างไทย”ห่วงชาวนาประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แนะต้องดึงข้าวออกจากระบบให้มากที่สุด หาตลาดเร่งระบายสต๊อกข้าว ลดต้นทุนปัจจัยการผลิต

วันนี้(11 พ.ย.64) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขณะนี้ข้าวเปลือกราคาตกต่ำมาก บางพื้นที่ขายได้เพียง กก. ละ 5 บาท ทุกข์ของเกษตรกรเป็นทุกข์ของ “คนตัวเล็ก” ที่หน่อย และ พรรคไทยสร้างไทย ถือเป็นภาระของพวกเรา ที่ต้องหาแนวทางแก้ไข และขอส่งเสียงแทนชาวนา เสนอแนวทางแก้ปัญหาราคาข้าวทั้งระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อให้พี่น้องชาวนาพ้นทุกข์ให้ได้

 

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว หน่อยได้ลงพื้นที่พบพี่น้องชาวอีสานที่จังหวัดสกลนคร เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยขณะนั้นข้าวเปลือกขายได้ในราคา กก.ละ 8 บาท ซึ่งถือว่าต่ำอยู่แล้ว แต่ล่าสุดพรรคไทยสร้างไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวนาเรื่องราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำมากกว่าปีที่แล้ว เหลือกก.ละแค่ 5-6 บาทเท่านั้น ปัญหานี้เป็นความทุกข์ซ้ำซากของชาวนา “ที่ยิ่งทำ ยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้”

อีกทั้งในปีนี้ ชาวนายังถูกซ้ำเติมด้วยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ราคาปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปุ๋ยราคาลูกละ 600 บาท กลายเป็น 1,200 บาท ทำให้ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก

 

ขณะที่ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมาก แต่ผลผลิตต่อไร่กลับลดลง ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง จึงส่งออกไม่ได้ ในปี พ.ศ.2563 ปริมาณการส่งออกของข้าวไทย ลดลงถึง 25 % จากปีก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่สต๊อคข้าวของประเทศไทยจะล้นเกิน กดดันราคาข้าวให้ตกต่ำ

                                        “ไทยสร้างไทย”ห่วงปัญหาราคาข้าวตกต่ำจี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

นโยบายประกันราคาข้าวที่มีอยู่ตอนนี้ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะระบบราคากลางได้เปิดช่องให้พ่อค้าคนกลางกดราคาข้าวถูกลงไปอีก เงินที่ได้รับชดเชยก็ไม่คุ้ม

 

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่ารัฐบาลต้องใส่ใจแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ในระยะสั้นที่ข้าวกำลังเก็บเกี่ยวแล้ว

 

ประการแรก รัฐบาลต้องดึงข้าวออกจากระบบให้มากที่สุด รวมถึงการให้สินเชื่อกับโรงสีที่ซื้อข้าวกับชาวนาในราคาที่เป็นธรรม รัฐบาลเองควรรับซื้อข้าวเปลือกโดยตรงจากชาวนา เพื่อนำมาสีเป็นข้าวสาร แจกให้กับผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากโควิด และน้ำท่วม โดยจัดงบประมาณเพียง 24,000 ล้านบาท ซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาจำนวน 2 ล้านตัน ในราคา กก.ละ 12 บาท ผ่านสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน และโรงสีชุมชน แล้วทำการสีข้าวเปลือกแจกเป็นข้าวสารให้ครัวเรือนที่ยากจนครอบครัวละ 50 กก.จำนวน 20 ล้านครัวเรือน

 

ประการที่สอง รัฐบาลต้องเร่งเจรจากับประเทศผู้รับซื้อข้าวรายใหญ่ของโลก เพื่อเร่งระบายสต๊อกข้าวที่ล้นเกินในประเทศไทยให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นราคาข้าวในประเทศก็จะไม่สามารถฟื้นตัวได้

 

ในระยะกลาง รัฐบาลต้องมีความตั้งใจจริงที่จะลดต้นทุนปัจจัยการผลิต อย่างที่ดิฉันได้เคยกล่าวคือการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นเวลา 2 ปี รวมถึงควบคุมราคาปุ๋ยไม่ให้มีราคาสูงจนเกษตรกรรับภาระไม่ได้ เพื่อบรรเทาสถานการณ์ของต้นทุนการผลิตของชาวนาที่สูงขึ้นอย่างมากในปีนี้

 

ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว รัฐบาลต้องเร่งจัดสรรงบประมาณในการปรับปรุงวิจัยพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่ผลิตข้าวได้ อีกทั้งยังต้องเร่งปรับเปลี่ยนให้เกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เพื่อไม่ให้อุปทานของข้าวล้นเกินจนกดราคาตลาดได้ การที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ต้องอาศัยการวางแผนของรัฐบาลอย่างจริงจัง เพื่อให้ชาวนาได้รับผลประโยชน์สูงสุด

 

“หากดิฉันและพรรคไทยสร้างไทย ได้รับโอกาสที่ได้เป็นรัฐบาล จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาวนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ชาวนาไทย หายจน หมดหนี่ มีรายได้อย่างมั่นคง ได้แน่นอนค่ะ”