วันที่ 24 พ.ย.2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ยังมีความเห็นต่างระหว่างการใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ หรือแยกเบอร์รายเขต ว่า สภาคงต้องคุยกัน แต่ตามร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยกร่างมา เป็นการใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศตามที่มีการเรียกร้องมา แต่อาจจะเข้าทางบางพรรค และไม่เข้าทางบางพรรค ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ สามารถพูดคุยกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ใช่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มองไม่ออก แต่คนที่เขามองออกเห็นว่าทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ความจริงแล้วมันคือความสะดวกในการจดจำ ส่วนคนที่ชำนาญการเลือกตั้งอาจมองอย่างอื่น กลายเป็นเรื่องพรรคใหญ่ พรรคเล็ก พรรคเก่า พรรคใหม่ คงต้องไปคุยกันเอง เพราะเป็นเรื่องชิงไหวชิงพริบทางการเมือง ไม่ใช่แง่มุมทางกฎหมาย สามารถแก้ไขได้ในสภา แต่สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือ เรื่องตารางเวลา ขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการ คิดว่าไม่เกินวันที่ 10 ธันวาคม คงเสร็จ จากนั้นจะเอาความเห็นมาปรับปรุงร่างกฎหมายสักพักก่อนเสนอมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายวิษณุ กล่าวว่า พรรคการเมืองต่างๆ สามารถเสนอร่างกฎหมายเข้าสภา และตอนตนหารือกับวิปรัฐบาลได้เคยรับปากว่าจะให้มีการพูดคุยกับ กกต.ก่อน รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพจัดการพูดคุยระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ กับ กกต.ให้ จะทำให้เวลาการพิจารณาในสภากระชับขึ้น ซึ่งการเสนอเข้าไปอย่างไรก็เป็นคนละฉบับ แต่ให้เป็นการเคลียร์กันก่อนเข้าสู่การพิจารณา ส่วนจะคุยกันเมื่อไหร่นั้น คงต้องรอให้ กกต.ปรับแก้กฎหมายขั้นสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อกฎหมายมาถึงรัฐบาลแล้ว ความที่รัฐบาลจะต้องเป็นเจ้าของเรื่องคงสามารถปรับได้ โดยความเห็นชอบของกกต. แต่ถ้า กกต.ไม่เห็นชอบคงต้องไปพูดในสภา โดยขอยืมให้พรรคร่วมรัฐบาลเป็นคนพูด เพราะสุดท้ายต้องใช้วิธีการโหวต แต่ทั้งนี้ รัฐบาลมีความสัมพันธ์พอที่จะอธิบายด้วยเหตุด้วยผลกับ กกต.ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนักวิชาการมองว่าเมื่อกฎหมายลูกเสร็จแล้ว เป็นเวลาที่เหมาะสมในการยุบสภา นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะแก้กฎหมายลูกเสร็จเมื่อไหร่ อีกทั้งกฎหมายลูกไม่เหมือนกฎหมายอื่นๆ ที่สภาพิจารณาเสร็จคือเสร็จ แต่กฎหมายลูกพอสภาพิจารณาเสร็จต้องส่งไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง กรณีนี้คือ กกต. มีกรอบเวลากำหนด หาก กกต.เห็นว่าควรจะต้องแก้อะไรบางอย่าง ใครที่ไปแก้ของ กกต.จะเจอตรงนี้ เพราะถ้ากกต.ยืนยันกลับมาก็ต้องแก้ตาม กกต. ซึ่งตรงนี้รัฐบาลพร้อมออกพระราชกฤษฎีกาขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญให้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็นำความทูลเกล้าฯถวาย ตนจึงเคยคิดไทม์ไลน์ว่ากฎหมายลูกจะมีการประกาศใช้ช่วง กรกฎาคม 2565 เพราะคิดว่าเปิดสภาสมัยวิสามัญช่วง เมษายน 2565 จากนั้นก็ทูลเกล้าฯถวาย กรอบเวลา 90 วันจะอยู่ที่ประมาณกรกฎาคม 2565 นี่คือการคิดเวลายาวที่สุดไว้ก่อน แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก่อน กรอบเวลาก็จะเร็วขึ้น ตนเคยบอกใน ครม.ว่าถ้ากฎหมายลูกมีการประกาศใช้จะมีการกดดันให้มีการยุบสภา รัฐบาลก็ต้องเตรียมรับมือทางการเมืองเอง