วิบากกรรม “สิระ เจนจาคะ” คุก-เว้นการเมือง-คืนเงิน

24 ธ.ค. 2564 | 08:28 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2564 | 15:50 น.

วิบากกรรม “สิระ เจนจาคะ” หลังถูกศาลรธน.สอยตกเก้าอี้ส.ส. เหตุขาดคุณสมบัติสมัครเลือกตั้ง ต้องถูกดำเนินคดีอาญา โทษคุกสูงสุด 10 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี คืนเงินสภาหลายล้านบาท และชดใช้ค่าเลือกตั้งใหม่

ปิดฉากการเมืองลงในวัย 57 ปี สำหรับ สิระ เจนจาคะ หลังต้องหลุดจากเก้าอี้ ส.ส.กทม. เขต 9 หลักสี่ สมัยแรก ในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

 

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยว่า มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต(ฉ้อโกง) ตามประมวลกฎหมายอาญา นอกจาก สิระ เจนจาคะ จะหลุดจากเก้าอี้ส.ส.แล้ว ยังต้อง “เผชิญวิบากกรรม” ที่เป็น “เอฟเฟกต์” ตามมา  

+ ดาบ 2 ฟันอาญา-เว้นการเมือง

 

วิบากกรรมแรกคือ ถูกดำเนินคดีอาญา และ ตัดสิทธิการเมือง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องพิจารณาเอาผิดทางอาญากับ นายสิระ ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 มาตรา 151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ก็ยังลงสมัคร

 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นผู้ร่วมรวบรวมรายชื่อส.ส.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ “สอย” นายสิระ ได้ออกมาเรียกร้องให้ กกต.เอาผิดกับนายสิระ ในคดีอาญา

ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่า นายสิระ กระทำความผิดจริง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี 

 

นอกจากนี้ยังต้องคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น ที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย

                                      

+ ต้องคืนสภาหลายล้าน

 

วิบากกรรมที่สอง ต้องคืนเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบแทนขณะเป็นส.ส. เพราะตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 วรรคสอง ระบุว่า ในกรณีกระทำผิดตามวรรคหนึ่ง ผู้ได้รับเลือกให้เป็นส.ส.ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้น คืนเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาแก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 

 

นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสิระ พ้นตำแหน่งส.ส. นับแต่วันที่ 24 มี.ค.2562 ว่า เมื่อมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงคำวินิจฉัยเต็มเมื่อไหร่ ก็คงจะได้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ โดยสำนักงานการคลัง กำลังดำเนินการรวบรวมจำนวนเงิน เพื่อรายงานไปยังเลขาธิการสภาฯ 

 

จากนั้นจะแจ้งไปยัง นายสิระ ให้คืนเงิน ภายใน 30 วัน หลังจากได้รับหนังสือแจ้ง โดยหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณเงินกรณีนี้ ซึ่งเคยใช้กับอดีตส.ส.พรรคก้าวไกล คนหนึ่งที่มีกรณีใกล้เคียงกัน คือ พ้นจาก ส.ส. และตอนนี้อยู่ระหว่างการคืนเงินให้สภา 

 

สำหรับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ ส.ส. ที่นายสิระ ต้องคืนให้สภาฯ ประกอบด้วย 

 

1. เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง เดือนละ 113,560 บาท ตั้งแต่ 24 มี.ค.2562 -22 ธ.ค. 2564 จำนวน 32 เดือน รวมเป็นเงิน 3,633,920 บาท

 

2. เงินเดือนผู้ช่วย ส.ส.ของนายสิระ จำนวน 7 คน ตั้งแต่ 15,000-20,000 บาท รวมเป็นเงิน 480,000 บาท

 

3. ค่าเบี้ยประชุม-ค่าเดินทางต่างๆ ของนายสิระ ระหว่างดำรงตำแหน่ง ส.ส. ระหว่างรวบรวมว่า มีจำนวนเงินจ่ายให้นายสิระไปทั้งหมดเท่าใด 

 

นอกจากนั้นยังมี ค่าโดยสารเครื่องบิน , ค่ารักษาพยาบาล, ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมมาธิการ และอื่นๆ อีก ที่จะต้องเรียกคืนทุกบาททุกสตางค์

                             วิบากกรรม “สิระ เจนจาคะ” คุก-เว้นการเมือง-คืนเงิน

สำหรับ นายสิระ เจนจาคะ เป็นอดีตประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

 

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุถึงอ๊าฟเตอร์ช็อก ที่จะตามมา และเกิดกับ นายสิระ หลังพ้นตำแหน่งว่า 

 

1.ตำแหน่งส.ส.กทม.  เขต 9 หลักสี่ ว่างลง กกต.จะต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมใหม่ภายใน 45 วัน

 

2.ตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ว่างลง ต้องสรรหาประธาน กมธ.คนใหม่

 

3.จะต้องคืนเงินเดือนของ ส.ส. ต้องคืนเงินเดือนผู้ช่วย ส.ส., ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้ชำนาญการ ต้องคืนค่าเดินทาง และประโยชน์อื่นใด ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ส.ส.

 

4.ต้องชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งซ่อมทั้งหมด เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น เป็นเหตุให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ผู้ขาดคุณสมบัติส.ส.จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมทั้งหมด

 

5.จะต้องถูกดำเนินคดีตามตามมาตรา 151 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 ที่บัญญัติว่า ผู้สมัครใดรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติมีสิทธิรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับสูงสุด 2 แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

 

ทั้งหมดเป็น “วิบากกรรม” ของ “สิระ เจนจาคะ” อดีตส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องเผชิญ ซึ่งเป็น “กรรมเก่า” ที่เขาก่อเอาไว้...