วันที่ 10 ม.ค.65 นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สัญญาณอันตรายเกี่ยวกับปากท้องของคนไทยได้เริ่มขึ้นแล้วในทุกมิติ ตั้งแต่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีการปรับราคาสูงขึ้น พี่น้องประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงลิ่วสวนทางกับรายรับ ทั้งวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 และวิกฤติเศรษฐกิจที่รุมเร้า ราคาสินค้าหลายรายการมีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ผักแพง น้ำมันแพง ค่าไฟฟ้าแพง ค่าก๊าซหุงต้มแพง ค่าทางด่วนแพง หมูแพง ล่าสุดไข่แพง เรียกว่าเป็นวิกฤติ “ของแพงทั้งแผ่นดิน” คนไทยต้องทนอยู่กับภาวะ “ของแพงค่าแรงถูก” ค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคพลังประชารัฐให้คำมั่นสัญญาในตอนหาเสียงเมื่อปี 2562 ว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 400-425 บาท แต่จวบจนถึงทุกวันนี้ค่าแรงยังไม่ขึ้น แต่มาขึ้นค่าครองชีพแทน นอกจากจะไร้วี่แววไม่ทำตามสัญญาแล้ว การแก้ไขปัญหาของผู้รับผิดชอบในรัฐบาลสุดแสนจะสิ้นหวัง
โดยเฉพาะปัญหาราคาเนื้อหมูแพงเป็นประวัติการณ์ รัฐบาลปกปิดความจริงมาตลอด 2-3 ปี และบอกให้ประชาชนหันไปรับประทานเนื้อไก่หรืออาหารทะเลแทนเพื่อเพิ่มโปรตีน ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด ซ้ำยังทำให้เนื้อสัตว์อื่นๆ ปรับราคาขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ราคาไข่ไก่คละไซส์ขอปรับราคาขึ้นจากฟองละ 2.80 บาทมาเป็น 3.00 บาท ซึ่งรัฐบาลยังเงียบไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม
นางสาวชญาภา กล่าวว่า ขณะนี้ได้ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่พี่น้องประชาชนจะจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารเพื่อนำไปไหว้บรรพบุรุษ หากราคาสินค้ามีแนวโน้มแพงต่อเนื่อง ต้องฝากไปยังรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ให้ดูแลควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน ดูแลค่าครองชีพเพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนอีก
ซ้ำเติมจากที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญทั้งวิกฤติโรคระบาดไวรัสโควิด-19 โรคลัมปีสกิน โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู และวิกฤติเศรษฐกิจที่รุมเร้า จนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ยังต้องมาเผชิญกับวิกฤติของแพงทั้งแผ่นดินอีก จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดพลเอกประยุทธ์ จึงเวิร์กฟอร์มโฮมได้ทุกวัน นอนหลับสบายได้ทุกคืน
“โรคระบาดไม่ได้สร้างความเสียหายเฉพาะชีวิตของประชาชนเท่านั้น ยังได้สร้างความยากจนระบาดไปทุกหย่อมหญ้าทั่วประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้วว่าบริหารประเทศล้มเหลวทุกด้านอย่างสิ้นเชิง จนเกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติ นอกจากประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงลิ่วแล้ว ประชาชนเริ่มรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ใช่ที่พึ่งที่หวัง แต่กลับมาเป็นภาระให้ประชาชนเสียเอง” นางสาวชญาภากล่าว