วันที่ 2 ก.พ.65 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทรักธรรม เนื่องจากกระทำการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 30 โดยให้เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง(3) และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค
ห้ามไม่ให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค ตามมาตรา 92 วรรคสองและมาตรา 94 วรรค 2 โดยได้มีหนังสือแจ้งให้กกต.ในฐานะผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้พรรคไทรักธรรมผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2563 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ที่ 58/2563 กรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขต 1 เขต 2 และเขต 3 จ.พิจิตร กรณีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปเมื่อ 24 มี.ค. 2562
โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม (ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม) กับพวกซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตพรรคไทรักธรรม และสมาชิกพรรคไทรักธรรม ในพื้นที่ จ.พิจิตร รวม 10 ราย กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 30 กรณีผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 10 ราย เสนอว่าจะให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทรักธรรม