วันที่ 15 ก.พ. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)ปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากรายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นรายละ 7,000 บาทต่อเดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ครม.ให้ความเห็นชอบ
ซึ่งปัจจุบันกปภ.มีหน่วยงานในสังกัดที่มีสถานที่ตั้งในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงหน่วยบริการที่อยู่ในสำนักงานเขตพื้นที่พิเศษ จำนวน 10 แห่ง จำนวนพนักงานรวม 211 ราย
สำหรับการปรับเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวจะทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5.09 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 12.72 ล้านบาท เพิ่มเป็น 17.81 ล้านบาท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในภาพรวมของกปภ. และรายได้ที่นำส่งเข้ารัฐ รวมถึงไม่กระทบต่อภาระงบประมาณหรือภาระการสูญเสียรายได้ของรัฐในอนาคต
ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีความเสี่ยงสูงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะพนักงานบริการและควบคุมน้ำสูญเสียที่มีหน้าที่ซ่อมแซมท่อแตกท่อรั่ว
ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องลงพื้นที่สำรวจหาน้ำสูญเสียและพนักงานผลิตเพื่อผลิตน้ำประปาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงงานอื่นๆ ที่มีภารกิจจำเป็นต้องอยู่เวรประจำสำนักงาน
ส่งผลให้การสรรหาบุคคลที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ค่อนข้างยาก และพบว่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษ ในอัตรารายละ 7,000 บาทต่อเดือน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)
ดังนั้นกปภ.จึงเสนอขอปรับเพิ่มเงินพิเศษ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับรัฐวิสาหกิจอื่น และเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดแรงงานรวมทั้งสามารถรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพให้อยู่ปฏิบัติงานกับกปภ.ได้