24 มี.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง : การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565 - 2569 โดยนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังพลของชาติ เพราะถือว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ เป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ
ดังนั้นการพัฒนาคนทุกช่วงวัยจึงถือเป็นรากฐานสำคัญที่ต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนอย่างรอบด้าน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความยากจน การศึกษา รวมทั้งการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ ซึ่งการพัฒนาเด็กประถมวัยถือเป็นโอกาสแรกที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กโดยเริ่มจากพ่อแม่ ครอบครัว โรงเรียน สังคม เพราะถ้าเราไม่สร้างภูมิคุ้มกันประเทศจะไม่พร้อมในการเผชิญกับสถานการณ์ รัฐบาลต้องการพลเมืองที่มีคุณภาพ มีคุณค่าต่อสังคม มีจิตสำนึกที่ดี มีความเผื่อแผ่แบ่งปัน เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อโตมากขึ้นอาจมีความลำบากในการใช้ชีวิต เรื่องของอาชีพและรายได้ซึ่งรัฐบาลพยายามดูแลไม่ให้เป็นภาระต่อสังคมหรือครอบครัว”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้โลกกำลังเดินหน้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มที่โดยเฉพาะประเทศไทยจะเริ่มต้นในปี 2566 นี้ ผู้สูงอายุจะมีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นภาระที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รัฐบาลต้องดูแลและแก้ปัญหาตรงนี้ โดยต้องสร้างความภาคภูมิใจกับคนเหล่านี้แม้ว่าจะเป็นผู้สูงอายุก็ยังเป็นกลุ่มประชากรที่มีศักยภาพ สามารถพึ่งพาตัวเองได้ อีกทั้งยังต้องเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้
“ในแต่ละงานไม่สามารถทำได้เพียงคนๆเดียว รัฐบาลก็ต้องทำงานร่วมกันในหลายกระทรวง ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหาร เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ ติดตามกำกับดูแล รวมทั้งการริเริ่ม แต่ผู้ปฏิบัติคือรองนายกฯและรัฐมนตรี ซึ่งต้องนำนโยบายไปสู่การขับเคลื่อน นำไปสู่การปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานและข้าราชการ
เรามีห่วงโซ่ในสายบังคับบัญชา เราจะอ่อนตรงไหนไม่ได้ หรือจะไม่ให้ความสำคัญกับตรงไหนไม่ได้ เพราะทุกคนถือเป็นห่วงโซ่ที่ต้องทำงานไปด้วยกันสายการบังคับบัญชาหรือช่วงการบังคับบัญชาถ้าทุกคนเอาใจใส่ร่วมมือและบูรณาการงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่การพูด จะต้องนำเอางานทั้งหมดมาคุยกัน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนอยากได้อะไรที่รวดเร็วจนบางครั้งลืมไปว่าเรามีความร่วมมือกับใครอย่างไรบ้าง ซึ่งจะโทษใครไม่ได้ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างความรับรู้ว่าถ้าเราจะไปด้วยกันอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนจะต้องร่วมมือกัน รัฐบาลมีหน้าที่จัดระเบียบหาวิธีการทำงาน ขณะเดียวกันต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงการบริการ ซึ่งไม่ว่าเราจะคิดอะไรก็ตาม แต่ถ้าไม่สามารถอธิบายให้ประชาชนรับรู้ได้ การเข้าถึงของประชาชนก็จะไม่สำเร็จ
วันนี้ขอขอบคุณทุกกระทรวง การทำงานของรัฐบาลมีตั้งแต่ข้างบนลงไปถึงข้างล่าง ข้างบนคือระดับนโยบาย นายกรัฐมนตรี และครม. จนถึงระดับปลัดกระทรวง อธิบดี และนำไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานข้างล่าง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ถือเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ว่าเราจะทำอะไรให้ดีอย่างไรก็ตามแต่ถ้าขับเคลื่อนข้างล่างไม่ได้จะทำให้เกิดปัญหา
“ขอร้องว่าทุกคนอย่าท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจ ผมเองพยายามที่จะเติมใจให้ตัวผมเองตลอดเวลาทุกวันว่าต้องทำงานให้สำเร็จตราบใดที่เรายังมีหน้าที่อยู่ หลายอย่างผมอาจจะเข้าไปก้าวล่วงสักนิด อาจจะเตือนเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือสอบถามว่าเรื่องนี้ทำหรือยัง ถือเป็นหน้าที่ๆผมต้องทำและต้องขอโทษ เพราะมันคือหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำ อะไรที่แนะนำได้ก็แนะนำ อะไรที่สงสัยก็จะถามไป อะไรที่อธิบายกลับมาผมก็เข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือการพุ่งเป้าหาเป้าหมายให้เจอ และเริ่มให้ได้โดยเร็วที่สุด”
สำหรับทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่จะต้องหาวิธีการที่เหมาะสมติดตามเอาใจใส่ สร้างความร่วมมือระหว่างการให้ได้จากภาคประชาชนให้เข้าถึงการบริการภาครัฐให้ได้ เราคิดเราทำเปิดช่องทางให้เขาเข้าถึง และต้องอดทนกับการแก้ไขปัญหา ไม่มีปัญหาอะไรที่จะแก้ได้ด้วยการพูดไม่กี่คำหรือทำไม่กี่ปี หลายอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสร้างการเรียนรู้ ให้ได้มากขึ้น เพื่อให้สังคมเราปลอดภัยสันติสุขสงบนั่นคือความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนอย่างแท้จริงในทุกมิติ
“ผมไม่ต้องการคำเยินยอ หรืออะไรต่างๆจากใครทั้งสิ้น ขอให้ภูมิใจจากสิ่งที่เราทำ เราทำดีก็รู้ตัวว่าเราทำดี เราทำไม่ดีก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ดี ทำไม่ดีก็แก้ไขเท่านั้นเอง ทำไม่ดีก็แก้ไขซะเท่านั้นเอง ทำดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากขึ้นทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอด และผมก็คิดว่าทุกคนร่วมมือกับผมมาด้วยดีเสมอมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว