วันที่ 4 เม.ย.65 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีการยักยอกเงินจากบัญชีของวัดบวรนิเวศวิหารและวัดสาขา หลังจาก สมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรฯมรณภาพ ว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษมีบุคคลต้องสงสัยลักทรัพย์เงินของวัด จึงจัดทีมสืบสวนสอบสวน ก่อนพบความผิดปกติรวมถึงพยานหลักฐานสำคัญหลายอย่าง จึงขออำนาจศาลออกจับบุคคลรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และจะดำเนินการตรวจสอบให้ครบทุกมิติ เบื้องต้นขณะนี้ยังพบผู้กระทำผิดเพียงแค่รายเดียว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับความเสียหายเบื้องต้นพบมีหลายวัด เป็นวัดสาขา ประมาณ 3 วัด อยู่ในภาคกลาง และ ภาคตะวันออก มูลค่าหลักร้อยล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินของวัด ที่จะนำไปใช้บูรณะซ่อมแซมหรือ สร้างวัด
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การปฏิเสธ อ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากค่อนข้างขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ จึงต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ขณะนี้สามารถติดตามกลับคืนมาได้เยอะพอสมควร อาทิ รถยนต์หรู และ เงินสด
ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทรัพย์สินบางอย่างของผู้ต้องหาเป็นการถือครองโดยบุคคลอื่นหรือบุคคลใกล้ชิด อยู่ระหว่างตรวจสอบซึ่งต้องดูเจตนาให้แน่ชัดว่ามีเจตนาให้การข่วยเหลือยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินด้วยหรือไม่ ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจขอให้รีบนำกลับมาคืน ไม่เช่นนั้นอาจถูกดำเนินคดีในฐานความผิด”ฟอกเงิน” ส่วนยอดเงินความเสียหายคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 190 ล้าน อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้จากตรวจสอบยังพบว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ต้องหายังได้กระทำในลักษณะเดียวกันกับวัดสาขาในพื้นที่ จ.ตราด อีก 2 วัด อาทิ วัดรัตนวราราม และ วัดคีรีวิหาร เบื้องต้นพบเป็นเงินงบประมาณจัดสร้างวัดรัตนวราราม 80 กว่าล้านบาท และ งบจัดสร้างโรงเรียนวัดคีรีวิหาร อีกกว่า10ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง