น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยในงานดีเบต “โค้งสุดท้าย...ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. 2565” จัดโดยเนชั่น กรุ๊ป ว่า ขณะนี้กฎหมายของกทม.หลาย ๆ ฉบับค่อนข้างล้าหลัง และยังใช้กฎหมายเหมือนเสื้อผ้าโหล ที่ตัดมาแล้วทุกคนใส่เหมือนกัน จึงต้องมีการแก้ไขให้เกิดประโยชน์
ทั้งนี้เช่นเรื่องของปัญหาตึกสูง เห็นว่า เราควรจะมีธรรมนูญท้องถิ่นเพื่อคนที่อยู่ในชุมชนได้ประโยชน์ โดยการก่อสร้างตึกสามารถสร้างสูงขึ้นได้ แต่อย่าสร้างสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด และต้องไปคุยกับชุมชน ซึ่งการจะสร้างตึกให้สูงขึ้นไปต้องจ่ายเงินรายเดือนให้กับชุมชนเพื่อให้ชุมชนเอาเงินไปพัฒนาพื้นที่
"สิ่งนี้เป็นสิ่งที่กทม.ไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นหากตนได้เข้าไปเป็นผู้ว่าจะทำในสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ว่าคนไหนเคยทำมาก่อน" น.ต.ศิธา ระบุ
ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกทม. ยืนยันว่า เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน โดยที่ผ่านมาใช้เงินในการแก้ปัญหาไปแล้วเป็นแสนล้านบาท มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งอุโมงค์ยักษ์ สถานีสูบน้ำประตู ทั้งหมดอยู่ที่การบริการจัดการให้เป็นเท่านั้น
ขณะเดียวกันในการแก้ไขที่ทำได้อีกคือ การเพิ่มศักยภาพของคลองทั่วกรุงเทฯ ที่มีจำนวนมากระยะทางยาวถึง 2,600 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครไปดู โดยสามารถนำมาบริการจัดการใช้เทคโนโลยีมาพร่องน้ำ ทำเป็นแก้มลิง และทางระบายน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้
น.ต.ศิธา กล่าวว่า มีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการเติมสวัสดิการให้กับคนกรุงเทพฯ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะการดูแลคนพิการ หากได้เป็นผู้ว่าฯ จะสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกทม. ส่งเสริมการจ้างงาน มีโควตารับคนพิการเข้าทำงาน ฝึกอาชีพ และในการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ของกทม. เมื่อของบประมาณมาแล้วถ้าสิ่งปลูกสร้างนั้นในสเป็คการก่อสร้างไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ จะไม่อนุมัติให้ผ่านด้วย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงประเด็นด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในกทม.ว่า ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ และโควิด-19 แถมยังมีข้อกฎหมายบางเรื่องยังปิดกั้นการทำมาหากิน โดยเฉพาะการช่วยเรื่องการประกอบอาชีพที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไข
รวมทั้งต้องส่งเสริม Soft Power ให้ต่างชาติมองเห็นสิ่งดี ๆ ของประเทศไทย ไม่ใช้เอาไปซื้อรถถัง เรือดำน้ำ และควรพัฒนาย่านเมืองเก่าที่ชำรุดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สนับสนุนการใช้ Cryptocurrency และส่งเสริมต่างชาติได้เข้าท่องเที่ยวและใช้ประเทศไทยเป็นที่ทำงานได้ด้วย ซึ่งทุกเรื่องจำเป็นต้องปลดล็อคทั้งหมด