วันที่ 23 มิถุนายน 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงชี้แจงแทนถึงกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคเตรียมขึ้นราคา ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์พยายามดูแลเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงหลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกในสิงค์โปร์ นายกรัฐมนตรีชี้แจง ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ได้เฝ้าระวัง คัดกรอง เตรียมการเตรียมห้องแล็ป และเตรียมความพร้อมในทุกด้าน โดยไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก รวมไปถึงดูแลตนเองอย่างเคร่ง สายใต้มาตรการ Universal prevention
นายกรัฐมนตรี ฝากเตือนประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัย แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 จะมีผู้ติดเชื้อลดน้อยลงเหลือวันละประมาณ 2,000 คน และมีผู้เสียชีวิตไม่เกิน20 คน
แต่ล่าสุด มีสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาด ถือเป็นนัยยะสำคัญในต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง ดูแลตนเองขั้นสูงสุด ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention โดยเฉพาะการสวมหน้ากาก ที่ถือว่ามีความจำเป็นอยู่
ด้านรถโดยสารเอกชนเตรียมปรับลดการเดินรถนั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าขณะนี้ ยังไม่มีการลดจำนวน และกระทรวงคมนาคมกำลังเจรจาอยู่ รวมไปถึงได้มีแผนสำรองไว้แล้ว ในการเตรียมการแก้ไขปัญหา หากมีส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยสั่งการให้บขส.และรฟท.ได้เตรียมการไว้แล้ว
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.เข้ามาดูแลเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานนั้น นายธนกร ชี้แจงว่า เรื่องพลังงานส่งผลกระทบหลายภาคส่วน
โดยเฉพาะค่าครองชีพของประชาชน แต่จะเห็นได้ว่าในนายกรัฐมนตรีได้สั่งการล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ ในการออกมาตรการต่างๆในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน รวมไปถึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด
จึงเชื่อว่านายกรัฐมนตรีได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมถึงต้องใช้สมช.เข้ามาดูแลนั้น นายกรัฐมนตรีมองว่าในอนาคตเรื่องหลังจากนี้ไปสถานการณ์ของประเทศในเรื่องวิกฤติพลังงานต่างๆ อยู่นอกประเทศส่งผลกระทบมายังประเทศไทย ฉะนั้น การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถแล้วเสร็จได้ในเร็ววัน
ฉะนั้น แล้ว สมช.เอง สั่งการให้เป็นเจ้าภาพในการเตรียมข้อมูลต่างๆ ในเรื่องของความมั่นคงทางทหารและพลังงาน ถือว่าเรื่องนี้นั้นเป็นสิ่งใหม่ ที่แสดงถึงวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรในอนาคต พร้อมกับระบุว่าสมช.เป็นเพียงหน่วยงานที่ประสานงาน แต่มีกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนรับมือในอนาคต