นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า จากข่าวที่ปรากฏว่าไฮโซฟองน้ำ อายุ 25 ปี หลอกชาวจ.อุบลราชธานี 400 คน เสียหายเป็นเงินกว่า 600 ล้านบาท ถูกศาลอนุมัติหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ตนคิดว่าน่าจะมีความผิดพ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ ผิดพ.ร.บ.การเล่นแชร์ เป็นต้น
“เรื่องนี้ตำรวจควรที่จะต้องสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนในการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมีความผิดในคดีในข้อหาพ.ร.ก.กู้ยืม ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น ชาวบ้านฟ้องเองไม่ได้ ต้องให้รัฐเป็นผู้ฟ้องคดี นั่นคือสิ่งที่พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้เสียหายและส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ เพื่อให้ทำความเห็นส่งฟ้องศาลต่อไป และศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย”
โดยในเรื่องของพ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้นให้อำนาจในเรื่องของการฟ้องล้มละลายด้วย โดยรัฐจะเป็นผู้ฟ้องให้ฉะนั้นในเรื่องของการฟ้องผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก.ดังกล่าวจะทำให้ผู้เสียหาย ได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากในการสืบทรัพย์และการบังคับคดีหรือรวมไปถึงการติดตามทรัพย์โดยป.ป.ง. ก็จะทำได้รวดเร็วมากกว่าในคดีฉ้อโกงประชาชนเพียงอย่างเดียว
"ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์เราจะเห็นได้ว่ามีข่าวเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนเป็นจำนวนมาก มันเหมือนปัญหาที่ซุกอยู่ไว้ในใต้พรมไม่ได้ถูกแก้ หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องไม่ได้ทำงานในเชิงรุก ไม่มีการป้องกันและแจ้งเตือนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ขณะที่ในต่างประเทศ เขาจะให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องนี้ รู้ว่าอะไรถูก รู้ว่าอะไรควร และรู้ว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อ ซึ่งในต่างประเทศใช้คำว่า สแกม(scam)หรือพอนซี (ponzi)
เรื่องนี้มีการสอนตั้งแต่เด็ก แต่ทางกลับกันในประเทศไทยผู้ต้องหามีอายุน้อยลงเรื่อยๆ และกลุ่มผู้เสียหายก็มีอายุน้อยลงเรื่อยๆเช่นกัน จากกลุ่มแชร์แม่มณีอายุ 30 กว่า จนมาถึงกลุ่มแชร์ไฮโซฟองน้ำ อายุเพียงแค่ 25 ปี นั่นคือสิ่งที่สะท้อนว่า สังคมไทยต้องมีการปรับเปลี่ยนกันในเรื่องนี้
“ต่างประเทศให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ การลงทุนต้องถูกที่ ถูกเวลา ไม่อย่างนั้นเม็ดเงินที่ลงทุนไปจะสูญเปล่า หรือถูกหลอกลวง ถูกฉ้อโกงไป ถ้าเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ก็จะทำให้ขาดเม็ดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจ เนื่องจากเงินออกนอกประเทศ ซึ่งในหลายประเทศอย่างประเทศอัลแบร์เนีย ก็เคยมีปัญหาเรื่องแชร์ลูกโซ่ระบาดเติบโตถึง 10% ของ GDPประเทศในเวลานั้น
พูดง่ายๆ ว่า 1 ในทุก 10 บริษัท จะเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือ เป็นบริษัทที่ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งทำให้ประเทศอัลแบร์เนีย ล้มทางเศรษฐกิจ ต้องใช้เวลาพลิกฟื้นประเทศนานกว่า 20 ปี ที่จะกู้ประเทศกลับคืนมาได้
นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้หน่วยงานรัฐ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องมองย้อนกลับไปว่าเราจะทำอย่างไรให้คนไทยมีความมั่นคงมั่งคั่ง และยั่งยืน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเป็นปัญหาฐานรากที่ต้องการแก้ไข ซึ่งมีคนพูดเสนอว่าจะทำรัฐสวัสดิการ จะช่วยเหลือคนจน ก็มาจากปัญหานี้ที่ทำให้เม็ดเงินออกนอกประเทศ หรือเม็ดเงินถูกซ่อนอย่าลืมว่าอาชญากร ถ้าโกงไปแล้วก็ต้องซ่อนเงินไม่ให้เกิดการสืบทราบหรือติดตามเจอได้ จึงทำให้เม็ดเงินออกนอกระบบ”
ขณะที่เม็ดเงินของประชาชนที่นำมาลงทุนมาจากการกู้หนี้ยืมสินมา เพราะคิดว่าจะได้ผลดอกเบี้ยในการปันผล แต่สุดท้ายไม่มีเงินไปคืนทั้งต้นและดอกที่กู้มาทำให้ถูกฟ้องล้มละลายหมดเนื้อหมดตัว และในรายที่ต้องไปกู้เงินนอกระบบก็ถูกติดตามไล่ทวงนั่นคือปัญหาฐานรากอย่างแท้จริงเรื่องนี้อย่ามองว่าเป็นเรื่องผิวเผินหรือมองเป็นเพียงแค่ความโลภของคนแต่มันเป็นปัญหาใหญ่ที่เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
“ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้เคยให้เป็นวาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม2560 และเคยมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้ว แต่คนทำก็ทำไม่เป็น และคนคิดก็คิดไม่เป็น จึงเกิดปัญหา ดังนั้น อยากฝากท่านนายกฯแก้ไขปัญหานี้ด้วย และส.ส. ฝ่ายค้านได้เป็นปากเป็นเสียงให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหานี้ด้วย”
ทั้งนี้ หากอาชญากรรมนั้นติดตามทรัพย์ยาก การคืนเงินให้กับผู้เสียหายยุ่งยาก ก็จะมีอาชญากรในรูปแบบนี้เยอะมากขึ้น อยากจะฝากให้เห็นว่าการปล้นร้านทอง ปล้นธนาคารปิดหน้าปิดตา ตำรวจสามารถจับได้ภายใน 3 วัน แต่อาชญากรประเภทนี้ผู้เสียหายมากันเต็มโรงพักและชี้ตัวคนโกง แต่ก็ยังจับไม่ได้เลย”
ส่วนที่จับได้ก็ได้รับการประกัน หลบหนีบ้าง ติดคุกเดี๋ยวเดียวบ้าง แต่ในทางตรงข้ามผู้เสียหายต้องรอเงินคืนนานนับสิบๆปี นั่นคือความไม่ยุติธรรมมาจากการเป็นตาชั่งที่เอียง เพราะ ณ เวลาที่ออกกฎหมายในเวลานั้นมองสิทธิ์ของผู้ต้องหาเป็นหลัก แต่ลืมมองสิทธิ์ของผู้เสียหาย จึงเป็นที่มาให้เกิดอาชญากรรมประเภทนี้มากขึ้น
ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประชากรเพียง8 ล้านกว่าคน ไม่มีอาชญากรรมประเภทนี้ ทั้งที่ถือว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นของโลก แต่ก็ไม่มีอาชญากรรมประเภทลัก จี้ ชิงปล้น หลอกลวงสักเท่าไร นั่นคือการปลูกจิตสำนึกของคน ถ้ากฎหมาย กฎระเบียบ มีบทโทษที่รุนแรง รวดเร็ว การอยู่ร่วมกันของสังคม ก็จะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
แต่ถ้ากฎหมายมีผลบังคับช้าและบทลงโทษไม่รุนแรง ก็จะทำให้คนบางกลุ่มเห็นช่องว่างของกฎหมายและคนที่เอาเปรียบคนและสังคม ก็จะมีเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ สุดท้ายปัญหาความเหลื่อมล้ำก็จะไม่มีทางถูกแก้ไข เพราะ พวกยอดปิระมิดจะได้ประโยชน์ คนเสียประโยชน์ก็คือคนบนฐานปิรามิดนั้นเอง
ดังนั้น หวังว่าฝ่ายค้านจะเอาเรื่องเหล่านี้อภิปรายเป็นปากเสียให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนหรือไม่ก็จับตาดูกันต่อไป... สังคมจะดีได้สังคมนั้นต้องได้รับความยุติธรรม ดังคำว่า ยุติธรรมค้ำจุนโลก ถ้าสังคมให้ความยุติธรรมสังคมนั้นก็สงบสุข