วันนี้ (9 ก.ค.65) ที่สำนักงานพรรคชาติพัฒนาและศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมที่ทำการพรรคฯ ได้พบปะเจ้าหน้าที่ บุคลากรสำนักงานจ.นครราชสีมา รวมทั้ง ส.จ., ส.ท.ทีมโคราชชาติพัฒนา โดยมี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการพรรคฯและหัวหน้าศูนย์รักจริงไม่ทิ้งกัน ให้การต้อนรับ ร่วมด้วย นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา
นายสุวัจน์ ประธานพรรคชาติพัฒนา Come Back กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะกรณีที่ประชุมรัฐสภา ลงมติกลับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อจากหาร 100 เป็น หาร 500 ว่า ถือเป็นมติของรัฐสภาว่าคิดเห็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้มติรัฐสภาก็ให้ความเห็นชอบในเรื่องของหาร 500
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเลือกตั้ง กับกฎหมายพรรคการเมือง ทั้ง 2 ฉบับที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และถึงแม้ว่ารัฐสภาจะให้ความเห็นชอบอย่างไรแลว โดยรัฐธรรมนูญก็ต้องส่งไปให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งถึงความถูกต้องต่างๆ
ขณะนี้มีข้อคิดเห็นที่เห็นแตกต่างกันว่า อะไรดีกว่าอะไร 100 หารดีกว่า หรือ 500 หารดีกว่า แต่ที่สุดแล้วในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ก็ต้องยึดหลักของความถูกต้องของกฎหมายเป็นหลัก
“ผมคิดว่าคำชี้ขาด หรือ คำวินิจฉัย หรือการพิจารณาต่างๆ ของศาลรัฐธรรมนูญก็คงจะมีบรรทัดฐานที่เหมาะสม ที่จะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับกันว่า ควรที่จะเป็นอย่างไร หรือมติของรัฐสภานั้นได้รับการยอมรับว่ามีความถูกต้องประการใด ฉะนั้นคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ฟังศาล”
นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่า บรรยากาศทางการเมืองจะต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศของการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง เพราะตอนนี้สภาหรือรัฐบาลก็อยู่มา 3 ปีจะครึ่งแล้ว ก่อนจะเดินไปถึงเดือนมีนาคม 2566 ฉะนั้นขณะนี้เป็นบรรยากาศเหมือนกับการนับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้ง
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญมากๆ เพราะเป็นการเลือกตั้งในช่วงเปลี่ยนผ่านของสถานการณ์วิกฤติของประเทศ เช่น เรามีปัญหาโควิดมา 2 ปีเริ่มคลี่คลายแล้ว สังคมก็คาดหวังว่าเริ่มคลี่คลายแล้วหลังโควิดจะเป็นอย่างไร หรือการสู้รบที่ก่อผลกระทบเรื่องน้ำมันแพง สินค้าอุปโภคบริโภคแพงหมด พี่น้องประชาชนเดือดร้อน หรือปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาหนี้สาธารณะต่างๆ ที่เราจำเป็นต้องกู้มาเพื่อแก้ปัญหาปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นผลกระทบ
พี่น้องประชาชาชนก็คาดหวังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่นำไปสู่ทางออกการเมืองหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องนำไปสู่ทางออกสามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ฉะนั้นจะทำอย่างไรที่ให้บรรยากาศการนับถอยหลังสู่สนานเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกคนรู้สึกเต็มใจพร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง และสำคัญที่สุดจะต้องสร้างบรรยากาศให้เกิดความชอบธรรม เกิดการยอมรับผลการเลือกตั้ง
ฉะนั้น ถ้าผลของการเลือกตั้ง หรือ การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วทุกคนให้การยอมรับ ก็จะทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองที่เข้มแข็ง เกิดประสิทธิภาพทางการเมืองที่จะมาแก้ไขปัญหาของประเทศได้ แต่ถ้าบรรยากาศของการนับถอยหลังเข้าสู่สนามเลือกตั้งเริ่มมีบรรยากาศของความไม่เรียบร้อย หรือความรู้สึกว่ากติกาเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ตนว่าวันนี้เราต้องคลี่คลายปัญหาต่างๆ และมีความร่วมมือกันในการสร้างความโปร่งใส ความชัดเจนในกฎหมายอะไรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รับการยอมรับ และไม่ก่อให้เกิดปัญหาการ “เด็ดล็อก” ทางการเมือง
ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันสร้างความโปร่งใส ความเป็นธรรม ความรู้สึกว่าชอบธรรมในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกติกาการเลือกตั้ง ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้ว
เมื่อถามว่าพรรคใหญ่ พรรครัฐบาล จะได้เปรียบจากสูตรหาย 500 หรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่า คิดว่าเราแก้ไขรัฐธรรมนูญกันไปแล้ว หรือมีกฎหมายอะไรต่างๆ เราควรจะให้เกิดความรู้สึกที่ว่ากฎเกณฑ์อะไรที่เกิดขึ้นเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ควรจะมีกฎเกณฑ์อะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วรู้สึกว่าคนนั้นได้เปรียบ คนนี้เสียเปรียบ ต้องให้รู้สึกเป็นธรรม เพื่อให้ผลประโยชน์ทุกอย่างสู่บ้านเมือง เราจะต้องอยู่บนพื้นฐานนั้น การเมืองคือการเข้ามาอาสาให้กับพี่น้องประชาชน ฉะนั้นทุกอย่างจะต้องเป็นธรรมและจะต้องแฟร์กับทุกฝ่าย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้สิทธิใช้เสียงแล้วทุกคนยอมรับ ในสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้ตัดสิน
ส่วนพรรคชาติพัฒนาเกี่ยงเรื่อง 500 หาร หรือ 100 หารหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่า คิดว่าทุกคนก็ได้ให้ความคิดเห็นกัน บางคนก็บอกว่า 500 ดี บางคนก็บอกว่า 100 ดี แต่ทุกย่างก็ต้องกลับไปสู่หลักของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ร่างก.ม.ประกอบรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นกฎหายลูก ร่างกฎหมายรธน.ที่แก้ไขก็ต้องเป็นหลัก
“มีการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ มี ส.ส.เขตเลือกตั้ง 400 มี ส.ส.บัญชายชื่อ 100 ฉะนั้นผมเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแล้ว ไม่ไปชัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นบางทีมุมมองและความคิดก็อาจจะแตกต่างกันได้ แต่ผู้ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดคือองค์กรศาลรัฐธรรมนูญ ก็คงต้องรอฟังศาล”
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อมีความชัดเจนในเรื่องนั้นแล้ว เป็นเรื่องของแต่ละคนแล้วที่ต้องไปคิดว่า 100 ท่านได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ท่านจะคิดว่า 500 ได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปปรับยุทธศาสตร์
“ผมว่าเหมือนนักกีฬา เมื่อกติกาเปลี่ยนเราพร้อมจะเล่นหรือเปล่า การเมืองเป็นงานอาสา ถ้าเราพร้อมจะเล่น เราอยากได้ชัยชนะ เราก็ต้องวางแผนการเล่น ก็ต้องปรับยุทธศาสตร์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับกฎกติกา แต่สำคัญที่สุดกฎกติกาก็ต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกฝ่ายมีคามรู้สึกว่าอยากเข้าสูสนามเลือกตั้ง แล้วเมื่อตัดสินแล้ว แพ้ชนะ พี่น้องประชาชนตัดสินมาแล้วทุกคนยอมรับ เพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพ”
นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่กำลังจะมีขึ้นว่า ก็ถือว่าเป็นด่านที่หนักที่สุดของรัฐบาล และโดยเฉพาะรัฐมนตรีถูกอภิปราย ฉะนั้นถ้าพ้นด่านนี้ไปได้ และไปนับอายุของการหมดสมัยประชุมสภาฯ ก็จะไม่มีการอภิปรายไม่ไววางใจแล้ว ก็ถือว่าไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นที่ต้องหนักอกหนักใจ
ฉะนั้น เมื่อผ่านแล้วก็จะนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งแน่นอน และรัฐบาลก็ต้องทำงานอย่างเดียวแล้ว ไม่ต้องมาหนักอกหนักใจในสภา รัฐบาลก็ต้องใช้เวลาที่เหลือ เตรียมเป็นเจ้าภาพเอเปก ที่เป็นโอกาสดีๆ ของประเทศ ที่จะสร้างความเชื่อมั่น เพราะจะมีผู้นำประเทศมหาอำนาจทั่วโลกมาที่ประเทศไทย เราควรจะใช้โอกาสนี้เรียกความเชื่อมั่น ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
“รัฐบาลตอนนี้เหมือนกับเพอร์เฟค สตอร์ม พายุหลายๆ ลูกพุ่งเข้าหาพี่น้องประชาชน รัฐบาลต้องใช้เวลาที่เหลือให้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของแพง ผลกระทบมาจากน้ำมัน พี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันมาก ฉะนั้นตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องข้าวของแพงมากๆ นายสุวัจน์ ระบุ