ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(12 ก.ค.65 ) คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ร่วมกันออกเรื่อง ทวงถามการแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงาน (น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) ครั้งที่ 3 และ ทวงถามการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ครั้งที่ 2
โดยได้เรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) , ประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, ประธานคณะกรรมการนโยบายแห่งรัฐ (คนร.) , ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.)
โดยเนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ประเทศต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 9 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานขั้นพื้นฐาน กล่าวคือ 1.ปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างการบริหารกิจการพลังงาน 2.การปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน ต่อมาได้ยื่นข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 จากเดิม กฎหมายบัญญัติว่า “ปิโตรเลียมเป็นของรัฐ” แก้ไขเป็น “ปิโตรเลียมเป็นของรัฐและประชาชนร่วมกัน”
ปรากฏว่า ต่อมาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งกลับมา ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ข้อความในหนังสือดังกล่าวแสดงให้เห็นดังต่อไปนี้
1.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และในฐานะอื่นที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงาน ทราบแล้ว
2.ส่งเรื่องให้กระทรวงพลังงานพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้แจ้งผลให้ทราบโดยตรง แสดงว่าทราบแล้วเช่นกัน
3.การตอบหนังสือดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน ไม่ตรงประเด็นข้อเรียกร้อง กล่าวคือ
3.1 หนังสือดังกล่าวเรียกร้องตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะอื่นที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงานจึงมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
3.2 ท้ายหนังสือลงข้อความว่า “จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการทันที”“จึงเรียนมาเพื่อแก้ไขอย่างเร่งด่วน” “จึงเรียนมาเพื่อดำเนินการ ทันที” ดังนั้นจึงไม่ใช่การเรียนมาเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะอื่นที่เกี่ยวข้องฯ เพื่อทราบเท่านั้น แต่ต้องดำเนินการปฏิบัติการแก้ไขด้วย
4.จากหนังสือตอบดังกล่าวแสดงว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา , นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ทราบแล้ว แต่ยังไม่พบว่ามีการดำเนินการปฏิบัติ จึงแจ้งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา , นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ พึงระวังการกระทำผิดทางปกครอง, การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย การกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญด้วย
ประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนคนไทย ที่ราคาน้ำมันโดยเฉพาะเบนซิน มีราคาถูกลงชั่วขณะหนึ่ง แต่ต้องขออย่างสุภาพว่ารัฐบาลอย่าได้เผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ ว่าเป็นผลงานของรัฐบาล เพราะการที่ราคาถูกลงมิได้เกิดจากการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด มุ่งตรงต่อต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง จึงขอนำเสนอข้อมูล ต่อท่านดังนี้
การใช้นโยบายลอยตัวราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาล ตั้งแต่สมัยนายอานันท์ ปันยารชุน ในปี 2534 ที่เปิดลอยตัวราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล และการเปิดลอยตัวราคาก๊าซ LPG แบบสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2560 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้ข้ออ้างตลาดเสรีพลังงานจะทำให้ตลาดมีการแข่งขันในระดับสูง และประชาชนจะได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในราคาที่เป็นธรรมนั้น ไม่สอดคล้องต่อความเป็นความจริง
ด้วยตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปในประเทศไม่เกิดการแข่งขันกันอย่างแท้จริง ขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะใช้วิธีอิงราคาสมมติตลาดนอกประเทศบวกค่าขนส่งเทียมและอื่นๆ ทั้งหมด ผลที่เกิดขึ้นคือ
1.ประชาชนต้องประสบปัญหาราคาน้ำมันแพงต่อเนื่อง อันเนื่องจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดต่างประเทศ ทั้งเบนซิน ดีเซล และ LPG จนกองทุนน้ำมันประสบภาวะความล้มละลายติดลบเกิน 1 แสนล้านบาทในปัจจุบัน และไม่สามารถเป็นเครื่องมือดูแลราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้มีเสถียรภาพ ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกต่อไป
2.รัฐบาลต้องยอมขาดรายได้จากภาษีน้ำมัน เพราะรัฐบาลต้องลดการเก็บภาษีน้ำมันเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น เพิ่มภาระกับประชาชนมากขึ้นไปอีก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับกิจการพลังงาน เพื่อลดภาระของประชาน
3.กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน ได้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคา LPG ที่ผลิตได้ในประเทศกับราคาตลาดของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่รัฐบาลกำหนดสูตรราคา LPG ในประเทศให้อิงราคาตลาดซาอุดิอาระเบีย บวกค่านำเข้า โดยไม่ต้องใช้ราคาที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงอีกต่อไป
4.กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน ได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังภาวะวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์โดยนับแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม 2565 ค่าการกลั่นอยู่ในระดับ 2.80 บาทต่อลิตร ถึงเกินกว่า 6 บาทต่อลิตร ผลจากข้อ 3 และ 4 นำไปสู่ผลกำไรแบบลาภลอยของกลุ่มอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันในประเทศอย่างถ้วนหน้า
5.การดูแลค่าการตลาดน้ำมันของรัฐบาลที่ไม่เคร่งครัด ทำให้ผู้ค้าน้ำมันได้รับส่วนต่างของค่าการตลาดน้ำมันจากราคาขายปลีกน้ำมันเกินสมควรในแต่ละวัน
6.การดำเนินนโยบายทรัพยากรปิโตรเลียม ตลาดเสรีน้ำมันรวมถึงการออกกฎหมาย กฎเกณฑ์ฯ ต่างๆของรัฐบาล ได้กลายสภาพเป็นเกราะปกป้องกลุ่มทุนพลังงานในการแสวงหาประโยชน์ สร้างภาระเกินควรแก่ประชาชน ไม่ก่อรายได้กับประเทศอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันได้เกิดสภาวะอำนาจเหนือรัฐ เกิดสภาพการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงการประกอบกิจการพลังงานของเอกชน ซ้ำยังมีส่วนร่วมกำหนดราคาอ้างอิงสมมติที่ไม่เป็นธรรม เสมือนว่าประเทศนี้ได้สูญเสียอธิปไตยทางด้านพลังงานของประเทศไปแล้ว
สภาพปัญหา ตามที่กล่าวมาข้างต้น ได้กล่าวมาในหนังสือฯ ฉบับก่อนหน้านี้บ้างแล้ว เป็นสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานพอสมควร และรัฐบาลของท่านก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้เกิดขึ้น ดังนั้น จึงขอให้ท่านใช้อำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทันที เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน มีประสิทธิภาพ
จึงเรียนมาเพื่อปฏิบัติทันที ประเทศไทยต้องมาก่อน