ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 200,000 บาท น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. กทม. เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ คดีเสียบบัตรแทนกันนั้น ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 101 (13) บัญญัติไว้ว่า สมาชิกภาพ ของ ส.ส.สิ้นสุดลงเมื่อต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือ ความผิดฐานหมิ่นประมาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง มีชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ อีก 1 ชั้น ซึ่ง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้ภายใน 30 วัน นับแต่มีคำพิพากษา
โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 9 คน ที่ไม่เคยตัดสินคดีนั้นมาก่อน
เท่ากับว่าคดีนี้ หากมีขึ้นไปถึงชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เเต่หาก น.ส.ธณิกานต์ ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน สมาชิกสภาพ ส.ส.ก็จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 101 (13) คือ สิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม มูลเหตุคดีนี้ คณะกรรมการป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้วินิจฉัย ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 87 ตามคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ศาลฎีกานัดพร้อมในวันที่ 16 สิงหาคม 2565 เวลา 9.00 น. เพื่อรอฟังผลคดีนี้