วันที่ 9 ส.ค.2565 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้มีประชาชนสอบถามนโยบายและแนวทางของพรรคมามากขึ้น หลายคนสนใจในแนวทางของพรรคที่ประกาศออกไปแล้วว่า เราจะเป็นพรรคที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกเรื่องที่เขาเดือดร้อน จะเป็นพรรคที่ประชาชนสามารถพึ่งได้ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับมาอย่างดี
“อย่างตอนที่ผมไปลงพื้นที่ที่เขตห้วยขวาง ดินแดงได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนก็ได้สะท้อนความเดือดร้อนให้ฟัง และอยากให้เข้าไปช่วยเรื่องการทำมาหากิน การใช้ชีวิตในทุกวันนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ผมก็รับมาเพราะเป็นแนวทางหลักของพรรคอยู่แล้ว ที่มุ่งเรื่องการทำงานให้กับประชาชน และต้องการให้สามารถผ่านพ้นช่วงนี้ไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มคนตัวเล็กๆ ประชาชนทั่วไป กิจการค้าขนาดเล็ก ขนาดกลาง ที่กำลังได้รับความยากลำบากจากความเหลื่อมล้ำเพราะกฎกติกา กฎหมายบางประการที่ไม่เอื้ออำนวยในการทำมาหากินในขณะนี้”
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนใช้ชีวิตลำบากในขณะนี้ ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ หรือสังคม เห็นว่าสาเหตุหลักอยู่ที่เรื่องของความเหลื่อมล้ำ พรรครวมไทยสร้างชาติจึงให้ความสำคัญเรื่องของความเหลื่อมล้ำ และความเป็นธรรมมาเป็นอันดับแรก เพราะความเหลื่อมล้ำไม่ได้แปลว่า มีความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมเท่านั้น แต่หมายถึงทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทกิจการใหญ่ๆ ที่ใหญ่อยู่แล้ว มีขีดความสามารถอยู่แล้วแต่กลับได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าบริษัทเล็กๆ คนตัวเล็กๆ ต้องการได้เงินทุนแค่หลักหมื่น หรือหลักแสน ยังเป็นเรื่องยากลำบาก แต่บริษัทใหญ่ๆ ขอครั้งละหลักพันล้านกลับทำได้ง่าย นี่คือความเหลื่อมล้ำอย่างเห็นได้ชัด ทำให้กิจการเล็กๆ คนธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถเติบโตได้ และส่งผลไปยังเศรษฐกิจโดยรวมของประชาชนทั่วไปที่มีจำนวนมากกว่ากลุ่มทุนหรือกิจการขนาดใหญ่
“เวลาที่บริษัทใหญ่ๆ เกิดปัญหา กิจการเดินไม่ได้มีกฎหมายพักหนี้ ขอฟื้นฟูกิจการได้ แต่คนธรรมดาสามัญกิจการเล็กๆ กลับไม่ได้ เพราะมีกำหนดว่าต้อง 10 ล้านขึ้นไป อย่างนี้ไม่ได้เป็นกฎหมายเพื่อสังคมแล้ว กลายเป็นกฎหมายเพื่อกิจการใหญ่ๆ อย่างนี้เหลื่อมล้ำไหม เท่าเทียมไหม เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตลอดเวลา มันเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะมาดูแลแก้ปัญหาเหล่านี้ให้กับสังคม”
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องของเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ตนพูดมาตลอดว่าเพราะไม่ได้เกิดที่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่เกิดทั่วโลก เป็นเรื่องยากมากที่ใครจะมาบอกว่าจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ในเวลาอันรวดเร็ว ถึงแม้จะบอกว่ามีทีมเศรษฐกิจก็ยังทำไม่ได้ พวกนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองแต่บริษัทใหญ่เป็นตัวสร้างจีดีพี ตัวเลขที่ดี แต่สำหรับตนไม่ใช่ ตนให้ความสำคัญกับคนตัวเล็ก กิจการขนาดเล็ก ขนาดกลางที่มีจำนวนมาก ที่เป็นส่วนผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ถ้ากลุ่มนี้มีปัญหาไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือดูแล กฎหมายระเบียบต่างๆ ไม่ได้ช่วยให้เขาพลิกฟื้นสถานะขึ้นมาได้ สุดท้ายสังคมก็จะมีปัญหา
“ที่เราเห็นข่าวมาเยอะ คนที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ขนาดกลางต้องฆ่าตัวตายเพราะมีปัญหารุมเร้าไม่มีที่ไป เงินทุนหาไม่ได้ ถูกฟ้องล้มละลาย แต่บริษัทใหญ่ขอพักหนี้ได้ กฎหมายให้ อย่างนี้ผมถามว่าเป็นความเสมอภาคเท่าเทียมไหม ในภาวะแบบนี้สิ่งที่เราต้องปลดล็อกคือทำอย่างไรให้คนเหล่านี้เขาหยุดพักหนี้ได้ ให้เขามีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ กลับมายืนแกร่งได้เหมือนเดิม
ใครจะช่วยได้ถ้าเราไม่แก้กฎเกณฑ์ กติกา ถ้าเราไม่ปล่อยให้ระบบธนาคาร หรือมีระบบกองทุนให้เขาหยิบยืมไปใช้ในภาวะจำเป็นแล้วใครจะช่วยเขาถ้าไม่ใช่ฝ่ายการเมือง นั่นคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือกลุ่มคนตัวเล็ก กลุ่มเศรษฐกิจฐานรากที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้” นายพีระพันธุ์ กล่าว