วันนี้ (24 ส.ค.65) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพรเอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 2 ประกอบมาตรา 158 วรรค 4 หรือไม่ ไว้พิจารณาวินิจฉัย
หลังพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบตามคำร้องแล้วเห็นว่ากรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7 (9) และให้ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
ส่วนคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ศาลฯ พิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องที่ นายมงคลกิตต์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นเดียวกัน
เนื่องจากศาลฯ เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ปรากฏว่า นายมงคลกิตติ์ ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสียก่อน ประกอบกับกรณีตามคำร้องรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 บัญญัติกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิ์ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 47 (2)ซึ่งมาตรา 46 วรรค 3 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง นายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าสิ้นสุดลงของตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสองและมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่