น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. ....
โดยกำหนดให้กรรมการ ป.ป.ท. ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปีมีสิทธิได้รับบำเหน็จตอบแทนเป็นเงินซึ่งจ่ายครั้งเดียวเมื่อพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุมีอายุครบ 75 ปี เพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดให้กรรมการป.ป.ท.ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปีมีสิทธิได้รับบำเหน็จตอบแทนเมื่อพ้นจากตำแหน่งจากการครบกำหนดตามวาระ และ ลาออก
รวมทั้งให้กรรมการป.ป.ท.ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเพราะเสียชีวิต ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งครบ 1 ปีหรือไม่ก็ตามให้มีสิทธิรับบำเหน็จตอบแทน เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2559 ที่บัญญัติให้กรรมการป.ป.ท.พ้นจากตำแหน่งตามวาระเมื่อมีอายุครบ 75 ปี
ทั้งนี้ กำหนดให้กรรมการป.ป.ท. ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับมีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นตามพระราชกฤษฎีกานี้ตั้งแต่วันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง และให้กรรมการป.ป.ท.ซึ่งพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุมีอายุครบ 75 ปี ไปก่อนที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มีสิทธิได้รับบำเหน็จตอบแทนตามพระราชกฤษฎีกานี้ด้วย
อย่างไรก็ตามสำนักงบประมาณได้เห็นชอบในหลักการ โดยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ให้สำนักงานป.ป.ท.ใช้จ่ายงบประมาณจากรายการค่าตอบแทนคณะกรรมการป.ป.ท.ที่ได้จัดสรรงบประมาณให้แล้ว หากไม่เพียงพอขอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป โดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า หรือประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณ