ความเคลื่อนไหวของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ มีภารกิจตั้งแต่ 09.30 น. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกีฬาแห่งประเทศไทย จากนั้นเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
ขณะที่วันพรุ่งนี้ (1 ก.ย. 65) พลเอก ประวิตร มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อตรวจติดตามการผลิตน้ำประปา เพื่อการอุปโภคและบริโภคและเป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาในหัวข้อ “แนวทางส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เวลา 09.10 น. พลเอก ประวิตร จะเดินทางไปที่สถานีผลิตน้ำประปาฉะเชิงเทรา ซึ่งมี นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวต้อนรับ และนำเสนอสภาพพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้น นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. นำเสนอสถานการณ์น้ำภาพรวมและในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน นำเสนอการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ฝั่งขวาแม่น้ำ บางปะกง และนายเอกชัย อัตถกาญน์นา รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ปฏิบัติการ 3 นำเสนอสรุปสถานการณ์น้ำต้นทุนเพื่อการผลิตน้ำประปา เพื่อการอุปโภคบริโภค ของพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
จากนั้น พลเอก ประวิตร จะเดินทางไปเยี่ยมชมคลองนครเนื่องเขต (คลองท่าไข่) และไปเป็นประธานเปิดป้ายสำนักงานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) แห่งประเทศไทย ประจำ จ.ฉะเชิงเทรา ต.หน้าเมือง อ.เมืองจ.ฉะเชิงเทรา
ขณะที่ช่วงบ่าย นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนวุฒิสภา กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การสัมมนา และ พลเอก ประวิตร กล่าวเปิดการสัมมนาและปาฐกถาในหัวข้อ“แนวทางส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และเดินทางเข้าสักการะพระพุทธโสธร และถวายสังฆทานแด่เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ก่อนจะเดินทางกลับ
ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ได้ติดตามความพร้อมในการรับมือสถานการณ์น้ำ โดยได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื่นที่เสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัย พร้อมกับให้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักที่จะมีเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการคาดการณ์แนวโน้มราคาพลังงานที่จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ไว้ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องอัตราภาษีน้ำมัน และค่าการกลั่น
ทั้งนี้ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเองนั้น ต้องติดตามมาตรการประหยัดพลังงานโดยมีเป้าหมายในการประหยัดพลังงาน ลดลงให้ได้ 20% ทุกส่วนราชการ พร้อมกับให้ศึกษาเกี่ยวกับการติดตั้งโซล่าเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร หรือ solar roof-top เพื่อประหยัดพลังงานในครัวเรือนว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่จะขยายในวงกว้างมากขึ้น หรือมีข้อจำกัดในด้านใด
พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจากภาระค่าครองชีพ