ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซอยอารีย์ 5 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และ นายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการผู้บริหารพรรค ให้การต้อนรับ ทีมผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อบจ.สุราษฎร์ธานี นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี และสมาชิกสภาจังหวัด(สจ.) สุราษฎร์ธานีกว่า 20 เขต เข้าเยี่ยมพรรครวมไทยสร้างชาติ ระหว่างเดินทางมาดูงานการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวใน กทม. เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงแนวความคิดของการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคทุกคน ต้องการสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ที่ทำการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของพรรค หรือประโยชน์ส่วนตัวหรือตำแหน่งอะไร เพราะเชื่อว่าถึงไม่มีตำแหน่งก็ทำงานได้ เหมือนที่ตนทำมาตลอด ที่ผ่านมาก็ทำงานหลายอย่าง แต่เห็นว่าทำคนเดียวคงทำได้ไม่หมด หากทำเป็นทีมเป็นพรรคในแนวทางเดียวกัน ก็จะสามารถทำงานให้บ้านเมืองได้มากขึ้น
“ผมคิดว่าเรามาทำพรรคการเมืองใหม่ดีกว่า พรรคการเมืองที่เอาชาวบ้านนำหน้า เอาปัญหาของชาวบ้านจริงๆ ไม่ใช่มาพูดแต่ปัญหาการเมืองแต่ปัญหาชาวบ้านไม่ได้รับการแก้ไข ผมคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องมาใส่ใจ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ขายแต่ภาพโก้หรู ภาพการเมืองใหญ่ๆ ภาพเศรษฐกิจใหญ่ๆเท่านั้น”
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า แนวทางของตนคือจะสู้ให้ทุกปัญหา ไม่ว่าปัญหาใหญ่เล็ก อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นปัญหาของชาวบ้าน คนธรรมดา คือคนสำคัญของรวมไทยสร้างชาติ มีเรื่องอะไรเดือดร้อน พึ่งใครไม่ได้มาที่รวมไทยสร้างชาติ เพราะว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ เราจะไม่มาทะเลาะกันในเชิงการเมือง หรือมาแขวะกันในเรื่องการเมืองที่ไร้สาระ
“มั่นใจว่าถ้าทุกคนช่วยกันทำงานจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รวมไทยสร้างชาติเราจะได้ปักธงที่สุราษฎร์ธานี และตั้งแต่ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ นครฯ สตูล พัทลุง จะเป็นพื้นที่รวมไทยสร้างชาติครบทุกเขต” นายพีรพันธุ์ ระบุ
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า สุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่ใกล้ชิดกับตนมาก ตลอดสิบปีที่ผ่านมาตนอยู่ใกล้เลขาธิการพรรคมาตลอดในพรรคเก่า ตอนนี้ก็มาพรรคใหม่ ซึ่งทีมงานที่ก่อร่างสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ ล้วนเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มีอุดมการณ์ทำงานร่วมกันมาก่อน ซึ่งก็มีหลายคนที่กำลังจะเข้ามาร่วมงานอีกมาก
สำหรับ นายพงษ์ศักดิ์ หรือ กำนันศักดิ์ ถือเป็นนักเลงในใจตน เป็นขวัญใจคนรากหญ้า จึงถือว่าเป็นคนมีอุดมการณ์เดียวกัน มีดีเอ็นเอเดียวกัน คือ เป็นนักสู้ทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ก็ได้นักการเมืองชื่อดังและมีคุณภาพหลายคน
“อยากจะบอกให้ทุกคนสบายใจว่า ผมกับลุงกำนันไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน บางวันก็กินข้าวหม้อเดียวกัน แต่ความคิดทางการเมืองแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นต้องสู้กัน โดยให้กำลังใจกันและกันมาตลอด”
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ เพราะจะมีการเปลี่ยนกติกาจากบัตรใบเดียว เป็นบัตร 2 ใบ พี่น้องประชาชนจะดึงดูดจากคะแนนนิยมจากพรรคการเมือง มาให้ความสำคัญกับตัวผู้สมัครที่มีบทบาทสำคัญ มีความผูกพันธ์กับประชาชนในพื้นที่
“ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เครือข่ายของผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นนายกเทศมนตรี หรือ สจ. ที่หลายคนอาจจะมีโอกาสได้เข้ามานั่งในพรรคในฐานะ ส.ส.ของพรรค ซึ่งในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไปประชุมจัดตั้งสาขาแรกของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ซึ่งจะมีการเปิดตัวทีมงานและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โดยตอนนี้มีผู้สมัครเกือบครบแล้ว
ครั้งต่อไปคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ โดยมีการพูดคุยกันในพรรคคือ จากการได้ไปดูสถิติ พบว่าในการเลือกตั้งครั้งใหม่ จะมี ส.ส.หน้าใหม่เข้าสภาฯ ไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 หรือกว่า 30% เที่ยวนี้เชื่อว่าจะมีมากกว่าเดิม หรือราว 40-50% เป็นโอกาสที่จะได้สร้างบุคลากรใหม่มา เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญคือในระดับจังหวัด ที่จ.สุราษฎร์ธานี รวมไทยสร้างชาติจะคัดสรรผู้สมัครที่ถูกใจพี่น้องประชาชน และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจาก สจ.ในพื้นที่
“ผมรู้สึกดีใจที่ กำนันศักดิ์ มาร่วมกับเรา เพราะเข้าใจจิตวิญญาณของท่านที่เป็นนักสู้ มีหลายพรรคไปจีบ จีบจนวันสุดท้ายก่อนเปิดตัวพรรค โทรศัพท์ดังจนถึงตีหนึ่ง ตีสอง แต่ในที่สุดหลังจากได้แลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานกัน จนได้ทำภารกิจกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นข้อพิสูจน์ที่สำคัญ ผมบอกท่านว่า ใครจะมาสบประมาทว่าตั้งพรรคเพื่อจะไปเอาบัญชีรายชื่อ ผมบอกเลยว่าไม่ใช่
แต่เราต้องการที่จะเอาชนะในเขตเลือกตั้ง เพราะผมก็เป็นนักการเมืองเติบโตมาจากการเป็น ส.ส.เขตไม่ใช่บัญชีรายชื่อ และเชื่อว่า ส.ส.ที่มีจิตวิญญาณที่จะทำงานให้ประชาชน จะต้องมีความยึดโยงกับประชาชน ต้องสามารถเอาชนะใจของประชาชนได้ ต้องเอาชนะการเลือกตั้งในระดับเขตให้ได้ ถึงแม้จะเป็นภารกิจที่ยากแต่ต้องทำให้ได้
ผมได้บอกกับกำนันศักดิ์ว่า ให้เลือกคนที่ดีที่สุด คนที่มีใจนักสู้ ที่เข้าใจปัญหาของประชาชน มีจิตวิญญาณ มีความตั้งใจและมีพลัง ช่วยแบ่งเบาภาระตามสโลแกน สู้ให้ทุกปัญหา และสามารถพึ่งพาได้ทุกเรื่อง นั่นคือความตั้งใจของพรรครวมไทยสร้างชาติ” นายเอกนัฏ กล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคเป็นบุคคลที่มีความสามารถ และมีประสบการณ์ในการทำงานเพื่อบ้านเมืองมาตลอด ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้มาตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความสามารถที่จะเขียนกฎหมาย ผลักดันกฎหมายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญ
เพราะต้องยอมรับว่าประเทศไทยวันนี้ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ประเทศต้องการผู้นำที่มีความมั่นคง หนักแน่น ทุกคนอยากทำพรรคที่เป็นสถาบัน ความตั้งใจแรก คือ การติดอาวุธ ส.ส.ของพรรค ไปผลักดันแก้ไขสังคยานากฎหมายหลายฉบับที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
“ขณะนี้ได้เปิดตัวผู้สมัครแล้วหลายราย และยังมีผู้ที่สนใจ คนเก่งๆ มีความสามารถเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากจะมาจากพรรคเดิมๆ แล้วยังมี อดีต ส.ส.จากฟากตรงข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะได้ทยอยเปิดตัวกันต่อไป”
นายนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ตนคิดว่าพี่น้อง สจ.ที่มาวันนี้ ถ้าใครเห็นด้วยกับแนวทางและอุดมการณ์คิดเพื่อบ้านเพื่อเมือง และปัญหาที่เหมือนกับที่ นายพีระพันธุ์ คิด คือ ปัญหาเรื่องกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ขอให้เข้ามาร่วมกัน และฝากให้ พี่น้อง สจ. ช่วยหาคนดีเก่งๆ มาช่วยกันสร้างพรรคการเมืองแห่งนี้ด้วย
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ชีวิตของตนต่อสู้มาโดยตลอด จากเด็กบ้านๆ ที่เคยเก็บขยะขายไม่มีต้นทุนเหมือนคนอื่น แต่ด้วยใจที่สู้ และมีความกล้าจึงทำให้มีวันนี้ โดยเฉพาะการทำงานเพื่อบ้านเมืองในระดับท้องถิ่น ที่ต่อสู้มาโดยตลอด และเคยต้องมีปัญหา เพราะไม่มีความรู้ทางกฎหมายแต่ก็ไม่เคยเลิกที่จะต่อสู้ กระทั่งมาได้ทำงานให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือจนถึงวันนี้ที่ เป็นนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ก็ยังมุ่งมั่นทำงานต่อเนื่อง และหวังจะยกระดับชีวิตให้กับคนสุราษฎร์ธานีทั่วประเทศ
โดยเฉพาะการหาตัวแทนคนสุราษฎร์เข้าไปทำงานในสภาฯ ในการแก้กฎหมายต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าตัวแทนทั้ง 7 เขต จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน และตนจะเข้าไปขับเคลื่อนการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน แม้ว่าจะไม่สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว ถ้ามี 10 เรื่อง แต่แก้ไขได้สักเรื่องหนึ่งก็ยังดี เพราะในการต่อสู้ไม่ใช่ว่าครั้งเดียวจะชนะเลย
“วันนี้ผมมาพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะผมเติบโตมากับความกล้าในการตัดสินใจของผม ทุกอย่างอยู่ทุกที่ทุกเวลา วันนี้ถ้าผมไปอยู่ประชาธิปัตย์ คนสุราษฎร์ธานีได้อะไร ผมไปอยู่พลังประชารัฐ คนสุราษฎร์ได้อะไร คนเขาก็ว่าผมมาเพราะพรรค แต่วันนี้ผมสร้างบ้านหลังใหม่ วันนี้ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ สร้างความเท่าเทียมกันของทุกคน นี่คือกำนันศักดิ์
ผมเคยเป็นคนที่ถูกรังแกจากกฎหมายมามากมาย เป็นคนไม่ชอบกฎหมาย เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะหนังสือคนเขียนเป็นผู้กำหนด ไม่อ่านเขาบอกเป็นคนดื้อ แต่สร้างความกล้ามาจนถึงวันนี้ อยากให้ทุกคนใช้ความกล้าเหมือนผม วันนี้ชาวสุราษฎร์จะเป็นตัวแทนแก้กฎหมายแน่นอน ถ้าผมพาเข้า 7 คน ทุกคนจะต้องเอาเรื่องของประชาชนชาวสุราษฎร์มาเข้าสภาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำกิน เรื่องประมง เรื่องหมวกกันน็อค ทุกเรื่องที่จะทำเพื่อคนสุราษฎร์ทุกคน” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว