*** ใช้เวลาร่วม 10 ปี นับแต่ถูกยื่นป.ป.ช.ฟ้องเมื่อ เม.ย.2556 ในที่สุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้ยกฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีนรองนายกฯ และพวก ในคดีทุจริตก่อสร้างโรงพักทดแทน
โดยวันที่ 20 ก.ย.2565 “ศาลฎีกานักการเมือง” ได้ยกฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ วิศณุ วิเศษสิงห์ จำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) จำนวน 396 หลัง
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้ว่า การไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ครม.มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนให้เปลี่ยนรูปแบบการลงทุนภาครัฐจากวิธีแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เเละวิธีจัดสรรงบประมาณรายปี ส่วนวิธีที่ทางสำงานตำรวจเเห่งชาติเสนอรูปเเบบการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเพียงเหตุผลประกอบ
ทั้งนี้ ที่ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการและจัดสรรงบประมาณให้นั้น ไม่เกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างและวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะไม่ใช่อำนาจของครม.ซึ่งเป็นอำนาจของหน่วยงานรัฐ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การที่จำเลยที่ 1 (สุเทพ) อนุมัติการจัดจ้างก่อสร้างแบบรายภาค 1-9 ภาค และเปลี่ยนเป็นวิธีอิเล็กทรอนิกส์รวมกันในครั้งเดียวโดยไม่เสนอให้ครม.อนุมัติ จึงไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานรักษาการณ์ ผบ.ตร.ได้ใช้ดุลพินิจให้ความเห็นชอบตามระเบียบครม. จึงไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำเลยที่ 3-4 เป็นประธานและเลขานุการคณะกรรมการประกวดราคาฯ ตามลำดับ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบครม.ในการดูแลให้เกิดความเรียบร้อยในการเสนอราคา และไม่ปรากฏพบว่าจำเลยที่ 3-4 แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบการกระทำจึงไม่เป็นความผิด
ส่วนจำเลยที่ 5-6 โจทก์ฟ้องว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3-4 กระทำความผิด จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5-6 กระทำความผิดด้วย มติเสียงข้างมากพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1-6
เป็นอันว่า “รอดคุก” ไปแล้ว สำหรับ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนหลักของ “พรรครวมพลัง” และอีกบางพรรคที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เมื่อรอดพ้นจากคุก ไม่ขาดคุณสมบัติรับเลือกตั้ง ก็ทำให้ยังสามารถ “เฉิดฉายบนถนนการเมือง” ได้อยู่ต่อไป
เมื่อ “สุเทพ” รอด ทำให้นึงถึงคดีทางการเมืองของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลรัฐธรรนูญนัดวินิจฉัยวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ กรณีเป็น “นายกฯ 8 ปี” ครบแล้วหรือไม่
ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จากทีมงานคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะ “รอด” ได้กลับมาดำรงตำหน่งนายกฯ ต่อไปได้
ขณะที่คำชี้แจงของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ยื่นชี้แจงต่อศาล ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ไม่ได้เริ่มนับการเป็นนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557 จึงยังไม่ครบ 8 ปี
แต่คนที่จะชี้ชะตา “บิ๊กตู่” ว่า “รอด” หรือ “ไม่รอด” คือ องค์คณะตุลาการศาลรธน.เท่านั้น