นับตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2565 เป็นต้นไป ถือได้ว่าเข้าสู่ “โหมดเลือกตั้ง ส.ส.” เต็มตัว ความเคลื่อนไหวของทั้งนักการเมือง และ พรรคการเมือง ในการเตรียมหาเสียง หาเสียง เตรียมตัวผู้สมัคร ส.ส. เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ส.เขตที่จะย้ายสังกัดพรรค โดยไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ ก็จะมีความคึกคักมากขึ้น
สำหรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2566 นี้ ช่วงที่ผ่านมา ก็ได้เห็นหลายพรรคการเมืองได้เดินสายนำเสนอนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง และมีการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ไปกันบ้างแล้ว
สนามเลือกตั้ง “ภาคใต้” ถือเป็นภาคหนึ่ง ที่จะมีการแข่งขันชิงชัยเก้าอี้ ส.ส.กันดุเดือดเลือดพล่านแน่นอน จากเดิมที่ในการเลือกตั้งปี 2562 มีให้ชิงชัยเก้าอี้กัน 50 ที่นั่ง แต่มาคราวนี้ เพิ่มเป็น 58 ที่นั่ง คือ เพิ่มมา 8 ที่นั่ง
โฟกัสไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมืองหอยใหญ่ ในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทั้งจังหวัดแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 6 เขต มีส.ส.ให้ชิงกัน 6 ที่นั่ง แต่มาครั้งนี้ได้เพิ่มมาอีก 1 ที่นั่ง รวมเป็น 7 เขต 7 เก้าอี้
แชมป์เก่ากวาดส.ส.ในการเลือกตั้งปี 2562 ไปทั้งหมด 6 ที่นั่ง นั่นคือ พรรคประชาธิปัตย์
สด ๆ ร้อนๆ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จัดงานใหญ่ “รวมพลังสุราษฎร์ประชาธิปัตย์ยกทีม” ขึ้นที่โรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยกทัพใหญ่ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค อดีต รมช.มหาดไทย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และขุนพลอีกหลายคน
ได้ร่วมเปิดตัวผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้ง 7 เขต 7 คน โดยนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค ได้พูดถึงคุณสมบัติของผู้สมัครทั้ง 7 คน ประกอบด้วย
1.นายภาณุ ศรีบุษยกาญจน์ ซึ่งเป็นที่รักของทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าในพื้นที่ นายภาณุ ก็ทำหน้าที่ได้ดี หวังว่าพี่น้องประชาชนจะสนับสนุนให้ภานุ เป็นผู้แทนสมัยที่ 2
2.นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ได้สั่งสมประสบการณ์ ทำหน้าที่เพื่อนำสรรพกำลังทั้งหมดมาดูแลพี่น้องทางด้านการท่องเที่ยว และเป็นน้องรักคนหนึ่งที่ขยันขันแข็ง ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเป็นดาวคนหนึ่งของประชาธิปัตย์ได้ในอนาคต
3. น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ บุตรี ของ นายชุมพล กาญจนะ อดีตส.ส.หลายสมัย ซึ่งทำงานช่วยพรรคอยู่ในทีมสังคม เป็นคนที่เกาะติดกับพื้นที่ จึงมั่นใจว่าพี่น้องจะช่วยสนับสนุนให้เป็นผู้แทนราษฎรอีกสมัยหนึ่ง
4.นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ หรือ รมช.ดำ ที่เรารู้จักดี และเป็นหัวหลักสำคัญของพวกเราทีมสุราษฎร์ธานี
5.นายสมชาติ ประดิษฐพร น้องอ้อย เป็นผู้ที่มีฐานกำลังทางการเมืองเข้มแข็งมาก เพราะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาก่อน
6.นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ หรือ เชน ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร นอกจากเป็นผู้แทน 2 สมัยแล้ว ยังรับหน้าที่เป็นรองประธานวิปรัฐบาล ในการประสานงานทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร โดยวิปของพรรคประชาธิปัตย์เป็นกำลังหลักสำคัญในการนำรัฐบาลให้ผ่านพ้นวิกฤตในสภามาได้หลายรอบ
7. น.ส.ตวงทอง ประดิษฐ์พร เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อายุ 29 ปี เป็นนักการเมืองท้องถิ่น เป็นสมาชิกสภาอบจ.สุราษฎร์ธานี เขตพุนพิน จบปริญญาตรีนานาชาติ รังสิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่คิดไปเป็นทูต ตัดสินใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ในนามพรรคประชาธิปัตย์
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศในเวทีปราศรัยว่า พวกเรายกทีมเดินทางมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดแรก เพราะประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับพี่น้องจังหวัดสุราษฎร์ธานี นับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งเมื่อ ปี 2489 เป็นเวลากว่า 76 ปี จนถึงวันนี้ เรามีผู้แทนมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งการเลือกตั้งปี 2500 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มีผู้แทนจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คือ นายโชติ วิชัยดิษฐ และ นายละออง แสงเดช
มาถึงปี 2518 คนสุราษฎร์ ให้กำเนิดนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่งของประเทศคือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน โดยท่านบัญญัติได้นำประชาธิปัตย์ยกทีมภายใต้การสนับสนุนของคนสุราษฎร์ มาแล้ว 11 ครั้ง จากการเลือกตั้งทั้งหมด 15 ครั้ง มาถึงล่าสุดปี 2562 พี่น้องก็ยังสนับสนุนประชาธิปัตย์ โดยเลือกผู้แทนของเรายกทีมทั้ง 6 คน
พี่น้องชาวสุราษฎร์สนับสนุนประชาธิปัตย์เสมอมา ในการคัดเลือกตัวรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส. สุราษฎร์ธานี 5 สมัยคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสินิตย์ เลิศไกร ให้มาช่วยทำหน้าที่แทนคนสุราษฎร์ ทำงานให้คนไทยทั้งประเทศ ดูแลพืชผลการเกษตร การค้าขาย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นี่คือสิ่งที่ชาวสุราษฎร์ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ให้กับพี่น้องคนสุราษฎร์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
“หวังว่าพวกเราจะช่วยกันรวมพลังชาวสุราษฎร์ เพื่อหนุนให้ประชาธิปัตย์ยกทีม เป็นครั้งที่ 12 เพราะประชาธิปัตย์ มีความพร้อมทั้งบุคลากร และไม่ได้พร้อมเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ฯ แต่เราพร้อมในหลายพื้นที่ และพร้อมทั้งพรรค พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย และพร้อมทั้งผลงาน ที่จะนำมาเสนอกับพี่น้องประชาชนทุกคน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ
นายจุรินทร์ ยังกล่าวทิ้งท้ายโดยย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน และพี่น้องฝากผีฝากไข้ ฝากอนาคตไว้กับประชาธิปัตย์ได้ ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ ขอบคุณล่วงหน้ากับพี่น้องชาวสุราษฎร์ทุกคน ขอบคุณย้อนหลังที่เลือกประชาธิปัตย์ สุราษฎร์ยกทีมมา 11 สมัย และจะเลือกประชาธิปัตย์ยกทีมอีกเป็นครั้งที่ 12
ก่อนหน้าที่ พรรคประชาธิปัตย์ จะยกทัพใหญ่ลงพื้นที่สุราษฎร์ธานี ปลุกสมาชิกพรรค ปลุกผู้สมัครส.ส. ปลุกประชาชน ขอให้เลือก ปชป.ยกทีมทั้ง 7 คน
“พีรพันธุ์”หวังได้ยกทีมส.ส.สุราษฎร์
เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2565 ที่โรงแรมแก้วสมุย อ.เมือง สุราษฎร์ธานี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรมต.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตส.ส.กทม. และอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปร่วมประชุมร่วมกับสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมทำพิธีเปิดสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติแห่งแรกที่ จ.สุราษฎร์ธานี
โดยผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เบื้องต้น ประกอบด้วย
ดร.ปรเมษฐ์ จินา รองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และอดีตรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายธานินท์ นวลวัฒน์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขต อ.กาญจนดิษฐ์ เขต 1
น.ส.อนงค์นาถ จ่าแก้ว (น้องแจง) บุตรสาวคนโต นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว หรือ กำนันศักดิ์ นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี
และ นายโรจน์พิศาล อินทรักษ์ (พี่ตาเล็ก) อดีตรองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี
นายเอกนัฏ ได้ขึ้นกล่าวถึงความเป็นมาของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนยังภูมิใจและจำได้เสมอว่า เคยร่วมต่อสู้กับพี่น้องที่มีอุดมการณ์เดียวกันร่วมกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ภารกิจใหม่คือการเดินไปข้างหน้าเพราะประเทศชาติต้องการมืออาชีพมาช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนในช่วงวิกฤติ
ซึ่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พร้อมด้วยตน และเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันได้พยายามรวบรวมกันมาสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อทำภารกิจสำคัญนี้ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้เสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนทั่วประเทศ แม้จะเป็นพรรคใหม่และมีภารกิจที่ยากแต่เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้อย่างมั่นคง
เพราะนักการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติมีดีเอ็นเอของการเป็นนักสู้ ซึ่งหลายคนที่เข้าร่วมกับพรรค ก็ล้วนมีประวัติการต่อสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชนมาแล้ว เช่น นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว หรือ กำนันศักดิ์ นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ที่ไม่ได้เกิดมามีบุญวาสนาแต่สามารถก่อร้างสร้างตัวจนได้รับการยอมรับ และยังต่อสู้เพื่อชาวสุราษฎร์มากยาวนานอีกด้วย ถือเป็นคนที่มีดีเอ็นเอนักสู้ที่พรรคต้องการ
“วันนี้นับเป็นครั้งแรกที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มาเปิดตัวทีมงานครั้งแรก และที่แรก ที่จ.สุราษฎร์ธานี ขอให้พี่น้องทุกคนมีกำลังใจ ภารกิจนี้ไม่ง่าย เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องเชื่อมั่นว่าเราทำได้ และจะสำเร็จได้ด้วยน้ำมือของพวกเราทุกคน จากนี้ต่อไปอยากให้ช่วยกันเชียร์ พรรคเราเป็นพรรคใหม่ต้องอาศัยแรงของประชาชนทุกคนช่วยกันสนับสนุนทีมงานผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ และเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็อย่าลืมไปเลือก ส.ส.ผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อเราจะได้มีโอกาสในการทำงานเพื่อประชาชนและทำภารกิจสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องต่อไป” นายเอกนัฏ ระบุ
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี แกนนำคนสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตนเป็นเด็กบ้านๆ บริหารชีวิตมากับความกล้า ชีวิตนี้มีสองอย่างคือครอบครัวกับแผ่นดิน และใช้ความกล้าต่อสู้เพื่ออุดมการณ์มาโดยตลอด ตอนนี้ตนมีครบทุกอย่างแล้วตอนนี้จึงอยากจะดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่
“ที่ผ่านมาผมเคยถูกกฎหมายรังแกมาก่อน และเคยได้รับความไม่เป็นธรรม ดังนั้นจึงอยากจะต่อสู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะความเท่าเทียมที่ต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก และพยายามบอกกับทุกคนว่าต้องเป็นตัวของตัวเอง แต่ต้องมั่นใจว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผมจะรวมคนสุราษฎร์สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ วันนี้เลือกที่จะสร้างรถใหม่ บ้านใหม่ ให้คนสุราษฎร์ธานี และใช้ทั้งชีวิตของผมเพื่อตอบแทนแผ่นดิน และคนสุราษฎร์ธานี”
กำนันศักดิ์ ย้ำว่า วันนี้จึงอยากให้ตัวแทนคนสุราษฎร์ได้มีโอกาสเข้าไปทำเรื่องกฎหมาย ต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากความเหลื่อมล้ำ และให้เกิดความเท่าเทียมกัน สุราษฎร์ธานีต้องเป็นเมืองหลวงของคนภาคใต้ให้ได้ จะทำให้คนภาคใต้ตอนบนร่ำรวย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นความฝันของตน ชีวิตนี้อุทิศให้กับแผ่นดิน วันนี้คิดเรื่องการเมืองดีแล้ว และอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างรถคันใหม่นี้ก้าวไปข้างหน้า
ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าววา สิ่งที่ตนเห็นปัญหามาโดยตลอดยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องรีบแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาราคายางพารา ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ที่ประสบปัญหาเรื่องราคามาโดยตลอด ตนก็ได้ไปศึกษารายละเอียดว่าทำอย่างไรที่แก้ปัญหานี้ได้เพื่อให้เกษตรกรทำมาหากินได้ดีขึ้น และพยายามศึกษาว่ามีเครื่องมือทางกฎหมายใดบ้างที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียม และสร้างหลักประกันในชีวิตให้กับผู้ผลิต
และยังมีกฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายตัวที่จะต้องแก้ไข ตนจึงต้องการคนที่เป็นนักสู้เพื่อมาร่วมทำงานด้วยกัน วันนี้โชคดีที่ได้ นายพงษ์ศักดิ์ หรือ กำนันศักดิ์ ที่เป็นนักสู้ไม่ถอยเหมือนกับตนมาร่วมทำงานด้วย เชื่อว่าจะสามารถสร้างพรรคที่เป็นอย่างที่ตั้งใจคือสู้เพื่อประชาชน ทำงานเพื่อแผ่นดิน
“ผมยังคิดว่าอย่างกำนันศักดิ์ ไม่ควรแค่จะทำงานให้เฉพาะคนสุราษฎร์ธานี แต่ควรจะมาทำงานเพื่อคนไทยทั้งประเทศ และนอกจากสุราษฎร์ธานีแล้ว ก็ยังมีนักการเมืองคุณภาพอีกหลายพื้นที่ ที่จะเข้ามาร่วมกันในพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะเป็น ชุมพร พัทลุง ระนอง และอีกหลายพื้นที่ผมเชื่อว่าการเป็นนักสู้ของทุกคนจะทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง”
นายพีระพันธุ์ ยังให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาเปิดสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้คิดว่าจะมาเจาะไข่แดงพรรคใด แต่คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของประชาชนที่อยากจะนำเสนอการเมืองรูปแบบใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งไม่ได้ทำเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น แต่ทำงานในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในสาขาจังหวัดอื่นจะทยอยเปิดตามความพร้อมตามแนวทางของพรรคคือ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง”
ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะใน จ.สุราษฎร์ธานี พรรคได้ผู้สนับสนุนเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี และสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) สุราษฎร์ธานี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มั่นใจว่านโยบายพรรคจะได้รับการสื่อสารไปยังประชาชนได้มากขึ้น
การที่ได้นายก อบจ.มาร่วมงานด้วย ประเด็นสำคัญคือตั้งใจจะทำให้เป็นพรรคการเมืองที่มาทำงานต่อสู้เพื่อประชาชนจริงๆ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ ไม่ได้อยู่ที่การดึงผู้สมัครท้องถิ่นเดิม หรือสมาชิกสภาจังหวัดเข้ามา แต่เห็นว่านักการเมืองท้องถิ่นเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดและรู้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีที่จะสามารถทำให้สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเข้าใจมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าเก้าอี้ไว้มากน้อยแค่ไหน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมีเป้าหมายในทุกพื้นที่ ซึ่งคิดว่าทุกพรรคก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนได้รับเลือกตั้งมามากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่อง ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติหวังว่าจะได้เก้าอี้มากพอสมควร ต้องการได้ที่นั่งใน จ.สุราษฎร์ธานีทั้ง 6 เขตเดิม และ 1 เขตใหม่ นอกจากนี้จะพยายามส่งให้ครบทุกเขตทั่วประเทศ
พรรคประชาธิปัตย์หมายมั่นจะทำให้ได้ส.ส.สุราษฎร์ธานี ยกทีมทั้ง 7 คน ให้ได้อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่พรรคน้องใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” ของ พีระพันธุ์ และ เอกนัฏ นักการเมืองเก่าแก่ของพรรค ปชป. ก็ประกาศจะขอยกทีมทั้งจังหวัดเช่นกัน
ศึกคนปชป.ปัจจุบัน กับ อดีตคน ปชป. ใครจะกวาดเก้าอี้ส.ส. “เมืองหอยใหญ่” ไปได้กี่ที่นั่ง หรือ จะมีพรรคใดได้ยกทีมหรือไม่ มาคอยติดตามกัน...