วันที่ 30 กันยายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเวลา 09.30 น. นางสุจิตรา ทุไร (H.E. Ms. Suchitra Durai) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าอำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า
ทั้งนี้ถือเป็นการใช้ตึกไทยคู่ฟ้าเป็นครั้งที่ 3 หลังรับตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ก่อนที่เวลา 10.00 น. นายอะห์มัด สาเมาะ ผู้ชนะเลิศการแข่งขันท่องจำอัลกุรอานนานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2565 เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร ที่ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม หรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้คุย จะไปเจอกันยังไง
เมื่อถามอีกว่า ได้ให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์อย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้กำลังใจทุกวัน แต่ล่าสุดยังไม่ได้คุย
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่าวันนี้ (30 ก.ย.65 ) พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้นัดหมายทางการให้สมาชิกฝ่ายค้านทุกคนมาร่วมรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงบ่ายวันนี้ เพียงแค่ใครสะดวกก็มาร่วมฟังพร้อมกันได้
แต่หากอยู่ด้วยกันหลังมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ก็อาจจะสามารถกำหนดท่าทีหรือหารือกันได้ทันที ก่อนย้ำว่าตอนนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้กำหนดแนวทางเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ขอรอฟังคำวินิจฉัยก่อน
นายสุทิน ยังเชื่อว่าไม่ว่าผลจะออกมาแนวทางใดศาลจะมีคำอธิบาย ซึ่งถ้าอธิบายได้ดีและมีเหตุผลก็คงจบ แต่หากยังมีข้อติดใจทางสังคมอาจเป็นเหตุที่เราต้องพิจารณาดูเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต ทั้งนี้ก็อยู่ภายใต้กรอบไม่ละเมิดศาล
ถามต่อว่าหากพลเอกประยุทธ์ อยู่ต่อมองสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร นายสุทิน ยอมรับมีความเป็นห่วง เพราะถ้าอยู่ต่อปัญหาทางการเมืองจะเกิด ก่อนยืนยันตามหลักข้อมูลว่ายังไงก็ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีอย่างแน่นอน อีกทั้งสิ่งที่คณะร่างรัฐธรรมนูญคิดว่าจะเกิดปัญหา มีความเป็นจริงซึ่งคงต้องอยู่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหาทางไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย
“บ้านเมืองไม่น่าจะเดินทางมาถึงจุดนี้ มันไม่ใช่ธุระที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นภาระมาวินิจฉัย ไม่ต้องเป็นธุระให้ ส.ส.ต้องมาเขียนคำร้องยื่นตรวจสอบ และไม่ใช่ธุระที่ประชาชนต้องมาตึงเครียด ถึงขนาดออกมาพูดถึงการรัฐประหาร
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพลเอกประยุทธ์คนเดียวเท่านั้น ท่านคนเดียวเท่านั้นที่จะเสียสละ ถ้าตัดสินใจลาออกตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เรื่องทั้งหมดคงไม่มาถึงจุดนี้ และหากเกิดอะไรขึ้นคนที่จะต้องรับผิดชอบคือ พลเอกประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล เหนียวกับเก้าอี้มาเกินไป”
นายสุทิน ยังให้ความเห็นถึงแนวทางหาเสียงตามกรอบ 180 วันที่ กกต. ออกกำหนด โดยบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ถือปฏิบัติ และทุกคนก็กังวลว่าจะไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง รวมถึงจะเกิดเป็นช่องให้ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน เพราะฉะนั้น กกต. หรือคนเกี่ยวข้องควรหาทางแก้ไขปิดช่องทางกันคนนำไปใช้แบบผิดๆ และประกาศของ กกต. วันนี้อาจจะต้องคิดให้รอบคอบพิจารณาให้ปฏิบัติได้ ซึ่งเชื่อว่าแก้ไขได้
"วันนี้ก็ยังมองคนละแบบอยู่ กฎหมายเลือกตั้งฉบับเก่าที่ยังอยู่และรัฐธรรมนูญ ก็น่าจะมีช่อง แต่จะแก้ได้หรือทันไหม คงแก้ไม่ทัน”
สำหรับพรรคเพื่อไทย จะมีกำหนดการจัดอบรมติวเข้มสมาชิกพรรคในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ นายสุทิน บอกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และคงไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยที่กังวลคงเป็นทุกพรรค ตีความคนละทาง และ กกต. บางข้อก็ตอบไม่ชัดเจน