“วัชระ”จี้“ลุงตู่”ยกเลิกเปิดช่องต่างด้าวซื้อบ้าน-ครอบครองที่ดิน

26 ต.ค. 2565 | 07:55 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ย. 2565 | 14:20 น.

“วัชระ เพชรทอง” จี้ “ลุงตู่” ยกเลิกเปิดช่องต่างด้าวซื้อบ้าน-ครอบครองที่ดิน เกรงอนาคตลูกหลานไทยไม่มีแผ่นดินจะอยู่

วันนี้ (26 ต.ค.65) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ต.ค.65 เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเรื่องการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย กรณีคนต่างด้าวซื้อบ้านและถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ เมื่อนำเงินมาลงทุนจำนวน 40 ล้านบาทไม่น้อยกว่า 3 ปี ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน 

 

โดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย  เป็นการเปิดช่องให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านและถือครองที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยครอบคลุมต่างชาติ 4 ประเภทคือ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานในประเทศไทย และกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษนั้น 

นายวัชระ กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีควรพิจารณาทบทวนหรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เนื่องจากคนต่างด้าวที่นำเงินมาลงทุน โดยไม่ต้องเสียภาษี มีกำลัง หรือ ศักยภาพเหนือกว่าประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก มีความเสี่ยงหรือผลกระทบที่อาจทำให้คนไทยเสียสิทธิการครอบครองที่ดิน และต้องซื้อที่ดินในราคาที่สูงขึ้น หากมีการจำหน่ายที่ดินจากต่างด้าวเมื่อครอบครองครบกำหนดแล้ว 

 

ขณะเดียวกัน ควรอธิบายหรือประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทราบข้อดีและข้อเสียจากนโยบายนี้อย่างชัดเจน 

ทั้งนี้ เข้าใจว่ารัฐบาลพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่การให้ต่างชาติสามารถซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ ในราคาเพียง 40 ล้านบาท ประเทศไทยจะไม่เสียดินแดนหรือเสียที่ดินไปจำนวนมากมหาศาลหรือ แล้วลูกหลานไทยในอนาคตจะอยู่กันอย่างไร จะเหลือที่ดินให้ยืนกันหรือไม่  

 

จึงต้องท้วงติงมติครม.ดังกล่าว โดยขอให้มีการทำประชาพิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องส่งผลกระทบต่อชุมชนและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งตนจะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนหรือยกเลิกมติครม.ในเร็วๆ นี้ 

 

แม้ว่ามติครม.ออกแล้วก็ตาม สามารถทบทวนได้ ขอให้รัฐบาลโปรดทบทวนไตร่ตรองให้รอบคอบอีกสักครั้ง อย่าให้ใครมาด่าว่าขายชาติขายแผ่นดินไทย เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีต้องฟังเสียงประชาชนแล้วทบทวน อยากขอให้คนไทยทุกคนช่วยส่งเสียงบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิกนโยบายนี้ด้วย