ถึงมือกกต.“ศรีสุวรรณ”จี้สอบ“นายทุนจีน”บริจาคเงิน พปชร. เข้าข่ายยุบพรรค?

28 ต.ค. 2565 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ต.ค. 2565 | 15:23 น.

“ศรีสุวรรณ”ยื่น กกต.สอบ “นายทุนจีน” โยงผับดังยานนาวาปาร์ตี้ยาเสพติด บริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้ พปชร. ปี 2564 เข้าข่ายความผิดโทษถึงขั้นยุบพรรค

วันที่ 28 ต.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รับเงินบริจาค 3 ล้านบาท จากนายทุนจีน ถูกเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงชื่อดังย่านยานนาวา ซึ่งถูกตำรวจเข้าทลายปาร์ตี้ยาเสพติด

 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกทลายสถานบันเทิงชื่อดังย่านยานนาวา มีการพาดพิงถึงนักธุรกิจชาวจีนมากมาย นอกจากนี้ได้มีการยืนยันจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ว่าพรรคพปชร.ได้รับเงินบริจาคจากนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าวจำนวน 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 

จึงเป็นข้อสงสัยว่า นักธุรกิจชาวจีนเคยมีสัญชาติจีน และได้มีการแปลงสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทยแล้ว เมื่อปี 2557 มีบัตรประชาชนเป็นคนไทย แต่เนื่องจากบุคคลดังกล่าวเป็นนักธุรกิจที่ประกอบกิจการหลากหลาย มีบริษัทในเครือหลาย 10 บริษัท จึงเป็นข้อสังเกตว่า การแปลงสัญชาติมาเป็นคนไทย เข้าได้สละสัญชาติจีนด้วยหรือไม่ หรือว่ามีการถือ 2 สัญชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 


โดยเฉพาะมาตรา 44 ระบุว่า ห้ามพรรคการเมืองไปรับเงินรับทองหรือรับประโยชน์อื่นใดจากบุคคลที่ให้การสนับสนุนการทำลายความมั่นคงการทำลายเศรษฐกิจของชาติ และการทำลายระบบราชการของชาติ 

มาตรา 72 ระบุว่า ห้ามพรรคการเมืองไปรับเงินหรือทรัพย์สินประโยชน์อื่นใดโดยรู้ หรือควรรู้ว่าแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมาตรา 74 ระบุว่า ห้ามพรรคการเมืองรับเงินจากบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย

 

“เรื่องเหล่านี้เกี่ยวพันกับตัวบุคคลที่แปลงสัญชาติ หรือ โอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทยแล้ว ไม่ทราบว่าบุคคลนั้นได้ถือ 2 สัญชาติอยู่หรือไม่ การที่ตำรวจไปทลายสถานบันเทิงดังย่านยานาวา เป็นผับที่ไม่ได้ขออนุญาตตามกฎหมาย มีการเสพยาเสพติด อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่พี่ต่อศีลธรรมอันดีและจารีตของประเทศ รวมถึงความมั่นคง เพราะนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ 

 

จึงจำเป็นที่กกต.จะต้องดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก และวินิจฉัยว่าบุคคลดังกล่าวถือ 2 สัญชาติจริงหรือไม่ เกี่ยวพันไปถึงธุรกิจทั้งหมดนับ 10 บริษัท มีนอมินีเข้าไปถือหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพราะถ้าเกินกว่ากฎหมายกำหนดก็จะถือว่าเป็นบริษัทของคนต่างด้าว เป็นข้อห้ามในกฎหมายพรรคการเมืองเช่นกัน โดยหากพบว่ามีความผิด จะเข้าข่ายตามมาตรา 92 (3) เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้” นายศรีสุวรรณ กล่าว

 

ส่วนที่ นายสมศักดิ์ ออกมายืนยันว่า เงินที่ได้รับบริจาคถูกต้องตามกฎหมาย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวแปลงสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทย และไม่ได้ถือ 2 สัญชาติ มีสิทธิที่จะสนับสนุนให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในประเทศไทยได้ แต่ต้องไม่เกิน 10 ล้านบาทตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้

 

เมื่อถามว่ากกต.จะต้องมีการตรวจสอบไปถึงพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ กรณีการรับเงินบริจาคในลักษณะเดียวกันนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้าก้าวไปถึงพรรคการเมืองไหน แล้วเชื่อมโยงไปถึงพรรคการเมืองไหนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คิดว่าเป็นอำนาจของ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อสร้างความโปร่งใสในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งในอนาคต รวมถึงการควบคุมพรรคการเมืองในประเทศด้วย