ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติยุบพรรคไทรักธรรม เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคในระยะเวลา 10 ปี ไม่ให้กรรมการบริหารพรรคจดทะเบียน หรือ ยุ่งเกี่ยวกับจัดตั้งพรรคการเมืองในระยเวลา 10 ปี
คดีนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักธรรม (ผู้ถูกร้อง) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 30 เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง ตามมาตรา 92 วรรคสอง
และห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองอื่น หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามมมาตรา 94 วรรคสอง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งเจ้าหน้าที่ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2564 เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยและสั่งยุบพรรคไทรักธรรม ในความผิดตามมาตรา 92 (3) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กรณีให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจบุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
โดย กกต. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าพรรคไทรักธรรมมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นการจูงใจด้วยทรัพย์สินเพื่อให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ก่อนหน้านี้ กกต.มีมติดำเนินคดีอาญากับพรรคไทรักธรรม และผู้บริหารพรรคไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 30 เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทรักธรรมเคยชี้แจงไว้เมื่อต้นปีว่าพรรคไม่มีเหตุ อันใดที่จะต้องจูงใจประชาชนให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค
พรรคไทรักธรรม มี นายพีระวิทย์ เลื่องลือดลภาค เป็นหัวหน้าพรรคและส.ส.เพียงเพียงคนเดียว