วันนี้(7 พ.ย.65) นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรพลังประชารัฐ กล่าวถึงข้อเสนอให้ “2 ป.” (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เคลียร์ความชัดเจนเดี่ยวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ว่า ตนอยู่พรรคพลังประชารัฐก็อยากให้เป็นพรรคการเมืองที่มีความมั่นคง ส.ส.อยู่แล้วสบายใจว่าคราวหน้าใครจะเป็นนายกฯ กันแน่
ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ท่านเป็นอีก 2 ปี แล้วเลือกนายกฯ ใหม่ มันก็ใช้บทเฉพาะกาลไม่ได้ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องของ ส.ส.เท่านั้น ไม่มี ส.ว. 250 เสียงมาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันไม่ใช่สมการสูตรเดิม
"ถ้าเป็นสูตรเดิมใครก็ต้องยอม จึงมีความเป็นไปได้สูงในครึ่ง 2 ปีหลังจะไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐที่จะเป็นรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐจะไปเป็นฝ่ายค้านซึ่งมันก็ไม่ได้ ซึ่งคิดไปมันก็น่ากลัว หลังจากเปิดสภามาผมถามเพื่อนๆ น้องๆ ในพรรคประมาณ 20 คน เขาเห็นด้วยกับผม แต่เขาพูดไม่ได้ เพราะถ้าไม่มี ส.ว.มาช่วยโหวตเลือกนายกฯ ใครมันจะมาช่วย เงื่อนไขมันจะต่างจากเดิมไปเยอะ ซึ่งเรารับไม่ได้ด้วยซ้ำไป"
นายวีระกร กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านมานาน เขาต้องการเอานายทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน เขาก็ต้องยื่นเงื่อนไขให้พรรคภูมใจไทย ซึ่งจะเป็นพรรคใหญ่และเมื่อเงื่อนไขเป็นแบบนั้น พรรคพลังประชารัฐ จะไปอยู่ตรงไหน ตนจึงจำเป็นต้องพูด เพราะเราจะอยู่ 4 ปีได้ ก็ต้องเอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งไม่ได้ลดเกรด พล.อ.ประยุทธ เราให้มาเป็นรองนายกฯ หรือ รัฐมนตรีว่าการแทน
"โดยมีศักดิ์ศรีเท่ากับที่ พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกฯ อยู่ในตอนนี้ มีบารมีไม่ต่างกันเลย เพราะทุกคนรู้ว่าทั้ง 2 คนใกล้ชิดและรักกันมาก ตายแทนกันได้ ทุกคนที่เกรงใจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เกรงใจ พล.อ.ประวิตร เหมือนกัน เมื่อมีความจำเป็นที่พรรคพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาลอีก 4 ปี ก็ให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้น เปลี่ยนสลับชื่อกันเฉยๆ แต่บารมีหน้าที่ก็เหมือนเดิมเท่าๆ กัน วันนี้ต้องคิดกันแล้ว จะคิดใกล้ๆ โหวตก็ไม่ได้ ผมยืนยันว่าไม่มีใครมาส่งสัญญาณให้ผมพูด” นายวีระกร กล่าว