“ธนกร”ยกเป็นผลงานบิ๊กตู่ ดันไทยเป็น EV Hub ในภูมิภาค ผู้ผลิตพาเหรดลงทุน

12 พ.ย. 2565 | 06:23 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2565 | 13:55 น.

“ธนกร”ยกผลงาน “บิ๊กตู่” ดันไทยเป็น EV Hub ในภูมิภาค ผู้ผลิตรถ EV หลายสัญชาติพาเหรดลงทุนในไทยแล้ว ใช้ผลงานแทนคำพูด สร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและอนาคตประเทศ หากไปต่อชนะเลือกตั้งแน่

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในความสำเร็จในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ภาพใหญ่ ภายใต้ “3 แกนหลัก สร้างอนาคต”  เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อน สร้างอนาคตประเทศ 

 

โดย 1 ใน 3 แกน จะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เน้นทำให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก เนื่องด้วยทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า  ด้วยการล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกให้อยู่ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มการลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทย 

ขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตรถ EV หลายสัญชาติ ได้ตัดสินใจเข้ามาสร้างโรงงานในประเทศไทย อาทิ  BYD บริษัทรถยนต์ EV  ที่มียอดอันดับ 1 ของจีน ได้ร่วมทุนกับเอกชนไทยตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน  


Ford วางแผนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในภูมิภาคเอเชีย 

รวมทั้ง บริษัท Mercedes Benz, BMW, MG, GWM, Volt ก็เลือกประเทศไทย เป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยตั้งให้ประเทศไทยเป็น Hub ผลิตรถ EV ในอาเซียนด้วย  


นอกจากนี้ ไทยยังมีโรงงานประกอบและผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมใหญ่ที่สุดในอาเซียนนั้น ตั้งอยู่ที่ไทยเป็นของบริษัท EA ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา


ทั้งนี้ ยังเร่งทำการขยายจำนวนแท่นชาร์ตรถยนต์ ไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงพลังงานตั้งเป้าปี 2573 ควรมีสถานี 1,394 แห่ง และมีเครื่องอัดประจุไฟรวม 13,251 เครื่อง

 

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) บีโอไอ เปิดเผยสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (ม.ค.–ก.ย.) ปี 2565 มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,247 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 8 และมูลค่ารวม 439,090 ล้านบาท 


ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีมูลค่ารวม 275,624 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าการลงทุนใน 2 สาขานี้ จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  


ที่ผ่านมา  BOI ได้อนุมัติโครงการยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว 26 โครงการเป็นของ 17 บริษัท คิดเป็นยอดกำลังการผลิตรถไฟฟ้า 830,000 คัน และมีการคาดการณ์ว่าภายในต้นปี 2566 ประเทศไทยจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน

 

และภายในปี 2573 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศไทย หรือ 700,000 คันต่อปี


นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ผลักดันและส่งเสริมการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ทั้งมาตรการลดภาษีการนำเข้าของผู้ประกอบการ  การลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% 


นโยบายเรื่องภาษีรถ EV ของรัฐ รวมถึงการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่จะกระตุ้นตลาดให้รถไฟฟ้ามีราคาที่น่าสนใจ ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ประเทศชั้นนำของรถ EV ต่อไป คือ การผลักดันการผลิตในประเทศให้เร็วขึ้น  


ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า หนึ่งในสามแกนสร้างอนาคตประเทศ ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้านี้ จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหมือนเช่นเดียวกับที่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขับเคลื่อนประเทศผ่านมา ซึ่งจะยังคงช่วยสร้างความมั่งคั่ง ให้กับเศรษฐกิจและประเทศไทยต่อไปได้ อีกเป็น 20-30 ปีข้างหน้า  


“ต้องขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา พาประเทศไทยและคนไทย เดินทางมาได้ไกล และก้าวหน้า ด้วยการทำงานอย่างรวดเร็วและจริงจัง ใช้ผลงานสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและอนาคตประเทศแทนคำพูด ไม่ใช่โฆษณาทางการเมืองไปวันๆ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อ ผมเชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยอย่างแน่นอน” 


อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ฝ่ายค้านได้เข้าใจหันมาแข่งขันกันทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ดีกว่าการเล่นการเมืองแบบเก่าที่มักใช้วาทกรรมโจมตีรัฐบาลรายวัน