วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ เดินสายพบปะคนรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการ My Life My Goal
ในช่วงเช้า ได้ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้พูดถึงหลัก BANI ของ Jamais Cascio ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่เกาะติดมากับ VUCA World ที่ทุกคนรับรู้ดีว่า เป็นโลกแห่งความผันผวน แต่ BANI ซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวน ไม่แน่นอน มีความสลับซับซ้อน ไม่รู้จะไปในทิศทางไหน ด้วยความเร็วหรือความเร่ง ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เราจำเป็นต้องเรียนและเข้าใจทั้ง 4 บริบท ได้แก่ Brittle ความเปราะบาง Anxiety โลกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล Non Linear โลกใหม่ที่มีความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นเส้นตรง และ Incomprehensible คือ โลกใหม่ที่เข้าใจยากกว่าเดิม”
ด้าน นายวรนัยน์ กล่าวถึงพลังของซอฟท์พาวเวอร์ว่า เป็นกระบวนการของการเมืองระหว่างประเทศ ที่ต้องเริ่มจากการส่งออกวัฒนธรรมร่วมสมัย หากชาวโลกลุ่มหลง มันก็จะต่อยอดสู่ความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า และส่งผลให้สถานะของประเทศและอำนาจในการต่อรองบนเวทีโลก
เช่น ฮอลลีวู้ด J-Pop K-Pop คือ เครื่องมือที่ช่วยให้อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก ซอฟท์พาวเวอร์ของไทยไม่ใช่ข้าวเหนียวมะม่วง ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์และไม่ใช่บุคคล
วันนี้เราต้องรู้ก่อนว่า ชีพจรของชาวโลกต้องการอะไร คำตอบคือ วัฒนธรรม LGBTQ+ ร่วมสมัยของไทย ซึ่งมีศักยภาพอยู่แล้วในการผลิตซีรีส์ วาย และวงดนตรี ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งสามารถต่อยอดไปถึงแบรนด์เศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ซึ่งสามารถนำไปสู่ “Bangkok Pride Parade” เป็นเทศกาลระดับโลก ต่อยอดไปการท่องเที่ยว และสร้างสถานะของประเทศไทยบนเวทีโลกว่า นี่คือแบบอย่างของประเทศที่ทันสมัยและมีสิทธิเสรีภาพ
ต่อมานายกรณ์ และคณะร่วมกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประกอบด้วย 1. นายธาม สมุทรานนท์ เล่าเรื่องผ่านอสังหากับปมจุดประกายในชีวิต “จากห้องเช่าสู่บ้านในฝัน” 2. นที ศิริธรรมวัฒน์ เล่าเรื่อง “จากล้มลุก สู่ Start-up เข้าวิน”
3. พีเค พัสกร วรรณศิริกุล ให้แรงบันดาลใจ “จากซึมเศร้าสู่สร้างสรรค์W 4. นุ่น ยศยา ชิยาปภารักษ์ พูดถึง “เศรษฐกิจสายมู” 5. โก้ วรนัยน์ วาณิชกะ เล่าเรื่อง “จากซอยสี่ สู่ Soft power”
6. ปรินซ์ ศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา พูดถึง “FUTURE LEARNING จากไดโนเสาร์สู่เป็ดทองคำ” โดยมี อีฟ วิเวียน จุลมนต์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และให้ข้อคิดถึงการเตรียมตัวเข้าสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่ทุกคนต้องเข้าใจและพร้อมที่จะร่วมด้วยช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์
นายกรณ์ กล่าวภายหลังได้ร่วมรับฟัง ว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา แม้จะต่างสถานที่กันแต่เรื่องราวของทั้งสองมหาวิทยาลัยคือ คนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเรียนจบออกไป ยังมองไม่เห็นโอกาสและอนาคต จริงอยู่ว่า ต้องเรียนจบก่อนถึงออกไปทำงาน เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตนเอง
“วันนี้ผมพูดได้เลยว่า โอกาสในประเทศเราน้อยลง ทุกที เราไม่สามารถสร้างการแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ เศรษฐกิจเราหยุดนิ่งมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ติดกับดักรายได้ปานกลาง คือขึ้นไปสู่ประเทศรายได้สูงไม่ได้ ถ้าวันนี้การเมืองเรายังเป็นแบบนี้ ขัดแย้งกันแบบนี้ แยกรุ่นแยกวัยกันแบบนี้ ประเทศจะเดินหน้าได้อย่างไร
เครื่องยนต์ประเทศ มันต้องอาศัยทุกชิ้นส่วนเพื่อขับเคลื่อน เราไม่อาจแยกเป็นส่วนๆได้ แล้วหวังว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องจับมือกัน รุ่นไหน จะเด็ก ผู้ใหญ่ วัยเก๋า ต้องเอาข้อดี ความรู้ประสบการณ์ในรุ่นที่ตัวเองมี มาแชร์กัน ร่วมงานกัน วันที่ประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ คนไทยรวยกว่านี้ ย่อมไม่ไกลเกินเอื้อม” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว