นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2565 ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในกรอบอาเซียนที่มีการประชุมระหว่างผู้นำหรือผู้แทนอาเซียน 9 ประเทศ กับผู้นำหรือผู้แทนประเทศในสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ แม้จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ แต่ก็เป็นเพียงการพบกันระหว่างผู้นำอาเซียนกับประธานคณะมนตรียุโรป และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เท่านั้น
จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้นำทั้งสองภูมิภาคทั้งอาเซียนกับสหภาพยุโรป จะได้พบปะแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นภูมิภาค และประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และความท้าทายด้านความมั่นคง การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล
นายกรัฐมนตรีมีภารกิจสำคัญในการเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมผู้บริหารระดับสูงในช่วงอาหารกลางวัน (C-Suite Roundtable Luncheon) จัดโดยสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) ณ โรงแรมโซฟิเทล บรัสเซลส์ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับภาคเอกชนยุโรปในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน
โดยจะมีคณะของสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชนเข้าร่วมด้วย รวมทั้ง ภารกิจในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามร่างกรอบความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกกับราชอาณาจักรไทย (Thai-EU Partnership and Cooperation Agreement: Thai-EU PCA
สำหรับประเด็นสำคัญที่ไทยจะผลักดันในการประชุมโต๊ะกลมผู้บริหารระดับสูงในช่วงอาหารกลางวัน (C-Suite Roundtable Luncheon) ซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน จะมีการเน้นย้ำประเด็นความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ครอบคลุม สมดุล และยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสอดคล้องกับข้อริเริ่ม Global Gateway ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการระดมทุน มูลค่า 3 แสนล้านยูโร ที่จะนำไปลงทุนใน 5 ด้าน ได้แก่ พลังงานสะอาด ดิจิทัล คมนาคม สุขภาพ และการศึกษา-วิจัย
ในส่วนของการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ นายกรัฐมนตรีจะสนับสนุนให้สหภาพยุโรปมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในภูมิภาค เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และสร้างบรรยากาศแห่งสันติภพ ที่เอื้อต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งยึดมั่นต่อความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมในภูมิภาค
พร้อมผลักดันให้ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน-สหภาพยุโรป เป็นพลังเชิงบวกที่สร้างสรรค์แก่ทั้งสองภูมิภาคและประชาคมโลก รวมทั้งผลักดันความเป็นหุ้นส่วนสีเขียวระหว่างอาเซียนกับอียู (ASEAN-EU Green Partnership) เพื่อยกระดับความร่วมมือในเรื่องนี้ ซึ่งไทยเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักและมีบทบาทนำในอาเซียน