ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่าถ้าฉากทัศน์ทางการเมือง (political scenario) แน่นิ่ง (static) เราคงบอกว่าคู่ชิงนายกรัฐมนตรีน่าจะเป็น อนุทินกับอุ๊งอิ๊ง สุดแต่ว่าใครจะรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกินครึ่งสภา
แต่ในความเป็นจริง ฉากทัศน์ทางการเมืองมีพลวัต (dynamic) เมื่อพลเอกประยุทธ์ประกาศเป็น candidate นายกฯของ รทสช.
เราเห็นว่าพลเอกประยุทธ์ก็มีสิทธิ์เป็นคู่แข่งได้อีกคน
เราเห็นว่าพลเอกประยุทธ์ ก็มีสิทธิ์เป็นคู่แข่งได้อีกคน
เงื่อนไขคือ 1) มี ส.ส. ดาวฤกษ์เข้าพรรคเป็นจำนวนมาก 2) ได้ ส.ส. บ้านใหญ่ที่มี ส.ส. หลายคนในหลายจังหวัด 3) มีคนเก่ง คนดี ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมพรรค ลงสมัครในนาม รทสช.
ที่สำคัญต้องสร้างกระแส "ลุงตู่อยู่ต่อ เพื่อสานงานต่อ" ให้สำเร็จ จนทำให้ประชาชนพร้อมจะเลือกคนที่สมัครลงรับเลือกตั้งในนาม รทสช. ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม
การหาเสียงก็ต้องเน้น 1) ความเป็นผู้นำที่ดีของพลเอกประยุทธ์ 2) ผลงานในสมัยนี้ 3) นโยบายที่จะทำต่อ 4) ความโดดเด่นของคนที่มาร่วมงานด้วย
เอกประยุทธ์ก็มีสิทธิ์เป็นคู่แข่งได้อีกคน
Campaign platform คือ "เลือก รทสช. ได้ 2 P มี 3 ต่อ โดย 3 ต. ที่จะบริหารประเทศด้วยความรู้คู่คุณธรรม" ที่ FC ลุงตู่ต้องช่วยกันรณรงค์นะคะ
2P คือ Prayuth และ Peerapan 3 ต่อคือ ประยุทธ์อยู่ต่อ สานงานต่อ ประเทศพัฒนาต่อ โดย ตู่ ตุ๋ย ไตรรงค์ ผู้เป็นคนเก่ง และเป็นคนดีมีคุณธรรม
หาเสียงด้วยผลงานที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์ และนโยบายที่เป็นจริงได้