"นายกฯ"หนุนแรงงานไทย ถือวีซ่า E-7 ทำงานอู่ต่อเรือแดนกิมจิ

08 ก.พ. 2566 | 03:36 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.พ. 2566 | 03:55 น.

นายกฯ หนุนแรงงานไทย ถือวีซ่า E-7 หรือวีซ่าทักษะฝีมือ ทำงานอู่ต่อเรือเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย บริษัทจัดหางานยื่นขออนุญาตกับกรมการจัดหางานมาแล้ว 1,275 อัตรา

กรณีกระทรวงแรงงานของไทย กับสมาคม KHOSHIPA สมาคมอู่ต่อเรือของสาธารณรัฐเกาหลี และบริษัท HNH Hyundai Heavy Industries เจรจาเรื่องการส่งแรงงานไทยไปทำงานด้วยวีซ่า E-7 (วีซ่าทักษะฝีมือ) ตามนโยบายขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศนั้น  

ความคืบหน้าล่าสุด  นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการเจรจาแล้ว
 
 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ

นายอนุชา กล่าวอีกว่า   นายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนแรงงานไทยให้มีโอกาสไปทำงานหารายได้ที่ต่างประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานและครอบครัว พัฒนาทักษะ และประสบการณ์ ที่จะสามารถนำมาพัฒนาศักยภาพของตนเอง และของประเทศไทย ตามนโยบายขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการมีงานทำ มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดี

พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือ ดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานด้วย

สำหรับบริษัทจัดหางานยื่นขออนุญาตกับกรมการจัดหางานมาแล้ว 1,275 อัตรา แบ่งเป็น สาขาช่างเชื่อม 970 อัตรา ช่างสีพ่นทราย 205 อัตรา และช่างไฟฟ้า 100 อัตรา ซึ่งมีการจัดส่งแรงงานไปแล้ว 65 คน และวันที่ 19 มกราคม 2566 จัดส่งแรงงานสาขาช่างเชื่อมไป  49 คน รวมเป็น 114 คน โดยเป็นการจัดส่งในลักษณะบริษัทจัดหางาน 

 โดยแรงงานไทยทั้ง 49 คน ที่จะเดินทางไปทำงานเป็นช่างเชื่อม ในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือที่เกาหลีใต้ ทั้งหมดได้ผ่านการอบรมคนหางาน ณ ศูนย์อบรมคนหางานก่อนไปทำงานต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ผู้รับการฝึกอบรม จะได้ทราบวิธีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลิกภาพในการทำงาน ข้อปฏิบัติขณะเดินทาง การอยู่ร่วมกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานในต่างประเทศ ความรู้เกี่ยวกับงาน สัญญาจ้างงาน สภาพการจ้างงาน การปฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน การบริหารจัดการรายรับ รายจ่าย

รวมไปถึงวัฒนธรรมประเพณี และกฎหมายของประเทศที่จะไปทำงาน ซึ่งการอบรมนี้เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่แรงงานไทยทุกคนที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายต้องเข้าร่วม