เต้ มงคลกิตติ์ ประกาศกลางสภาลาออก ส.ส. 17 ก.พ.นี้

15 ก.พ. 2566 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.พ. 2566 | 08:53 น.

เต้ มงคลกิตติ์ หัวหน้าไทยศรีวิไลย์ ประกาศกลางสภายื่นลาออกจาก ส.ส. 17 ก.พ. นี้ คืนอำนาจให้ 66 ล้านคนตัดสิน "ศุภชัย" แซวเปิดโอกาสให้หาเสียง

15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ประกาศว่าวันนี้ทำหน้าที่ ส.ส.เป็นวันสุดท้าย

ทั้งนี้ ภายหลังการอภิปรายประเด็นทุนจีนสีเทา รวมถึงอภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมว่า ดูดและปล้น ส.ส.จากพรรคอื่น กระทั่งถูกประท้วงให้ต้องถอนคำพูดจนต้องเปลี่ยนมาใช้คำว่า ทาบทาม ส.ส.พรรคอื่นแทน  

นายมงคลกิตติ์ กล่าวในตอนท้ายของการอภิปรายระบุว่า ทำหน้าที่ในสภาแห่งนี้ที่ตนภูมิใจ วันนี้ได้ทำหน้าที่อภิปรายในฐานะ ส.ส.ฝ่ายค้านเป็นครั้งสุดท้าย ของสภาชุดนี้ ได้ทำหน้าที่ ส.ส.กว่า 3 ปี 11 เดือน ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน 11 เดือน

ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและฝ้ายค้านอิสระ 3 ปี สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าในกายตนเป็น ส.ส.ที่มาจากประชาชน 100% ไม่ได้ซื้อเสียงแม้แต่คะแนนเดียวแม้คะแนนไม่มากนัก 60,054 คะแนน

ในห้วง 4 ปี เดินทางไปทั่วประเทศ รับฟังปัญหาของประชาชน เสนอปัญหาสู่สภาแก้ไขทั้งทางตรงทางอ้อม เสนอกฎหมายมากกว่า 6 ฉบับด้วยกัน ทั้งกระทู้สด อภิปรายงบประมาณ 3 ปี อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ไม่ลงมติอย่างละ 3 ครั้ง หารือแก้ไขปัญหาประชาชน 40 ครั้ง 100 กว่าเรื่อง

เรื่องอภิปรายอื่น ๆ จำนวนมาก และตนเป็น ส.ส.ที่ร่วมทุกข์กับประชาชนเกือบทุกเหตุการณ์ อภิปรายขัดขวางโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตหลายโครงการ

แม้ผมจะไม่ใช่นักการเมืองที่ดี 100% และมีข้อบกพร่องอยู่ แต่หัวใจคิดอยู่อย่างเดียว คือจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชน 66 ล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายขึ้น ยิ้มได้กว้างขึ้น มีปัญหาน้อยลง แม้ผมจะเหนื่อยมากก็ตาม

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ในอีก 2 วันข้างหน้าคือ 17 กุมภาพันธ์ จะคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน 66 ล้านคน เพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม ว่าผู้แทนราษฎรแบบตน พรรคไทยศรีวิไลย์ที่มีตนเป็นหัวหน้าพรรค มีประโยชน์ต่อประเทศไทย ประชาชนไทยหรือไม่

ก่อนที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะประธานที่ประชุม ระบุว่า ช่วงท้ายที่นายมงคลกิตติ์ อภิปรายนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในญัตติแต่อย่างใดแต่นายมงคลกิตติ์ก็ไม่ได้พูดกระทบคนอื่นจึงเปิดโอกาสให้หาเสียงสักหน่อย