วันนี้ (7 มี.ค.66) นายประวิตร บุญเทียม ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่นในศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคําแหง ปฎิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
แต่ปรากฏว่า สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง (สภา ม.ร.) ไม่ปฎิบัติตาม ว่า คดีนี้คำสั่งศาลบอกว่า คำสั่งทุเลามีผลเท่ากับว่าคำสั่งของ สภา ม.ราม ที่ให้ นายสืบพงษ์ อธิการบดี ม.ราม ผู้ฟ้องคดี พ้นจากตำเเหน่ง ไม่มีผล เท่ากับว่า นายสืบพงษ์ ผู้ฟ้องคดียังปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีได้อยู่
ส่วนกรณีที่ สภา ม.ร.ไม่ปฎิบัติตาม โดย นายสืบพงษ์ ได้มาร้องศาลให้ออกคำบังคับ สภา ม.ร. ให้ปฎิบัติตามคำสั่งศาล แต่ศาลไม่ออกให้นั้น นายประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ศาลมีคำสั่งว่า ถ้านายสืบพงษ์ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ตนเองได้รับผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ สามารถไปดำเนินการตามบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ หมายความว่า สามารถไปเเจ้งความร้องทุกข์ได้
“ยืนยันว่าศาลมีอำนาจเรียกเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลมาไต่สวน เพื่อออกคำบังคับ เเละสั่งให้ดำเนินการหรือปรับได้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้ศาลไม่ออกคำบังคับให้ นายสืบพงษ์ ผมไม่เเน่ใจว่าผู้ฟ้องคดีอ้างบรรยายเหตุอย่างไรศาลถึงยังไม่เห็นควรให้ไต่สวน หรือ ออกคำบังคับให้”
นายประวิตร กล่าวด้วยว่า คำสั่งศาลที่ให้ทุเลา มีผลให้นายสืบพงษ์ ปฏิบัติหน้าที่อธิการ ม.ร. ได้ยังมีผลบังคับใช้สืบไป เเต่หากว่าผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ตนเองไม่สามารถทำงานต่อไปได้ หรือคำสั่งของศาลปกครองไม่สัมฤทธิ์ผลจริงๆ ก็สามารถมายื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำบังคับใหม่ได้
“ตามคำสั่งศาลที่ให้ทุเลาคดีนั้น จริงๆ ผู้ถูกฟ้องต้องปฏิบัติ เพราะยังไม่มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งทุเลา ถ้ามีปัญหาเพิ่มขึ้นผู้ฟ้องก็สามารถมาร้องขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับใหม่ได้” ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่นในศาลปกครองสูงสุด ระบุ