จากกรณีที่โฆษกรัฐบาลได้ออกมาชี้แจงถึง ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาค่าไฟฟ้า ว่า ในส่วนของ โครงการโรงไฟฟ้า IPP (Independent Power Producer โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน) 5,400 MW ซึ่งรัฐบาลในขณะนั้นได้เปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPP จำนวน 5,400 MW ดังกล่าว ในปี 2555 รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการพิจารณาทบทวน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีการลงนามผูกพันไปแล้ว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2555 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7.2% จึงได้มีการประมาณการใช้ไฟฟ้า จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ปีละ 5% ในอนาคต ดังนั้นการกำลังสำรองไฟฟ้ามีอยู่ประมาณ 15% จึงเป็นการสำรองขั้นต่ำ
ต่อมา เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ทำการปฏิวัติรัฐประหาร เข้ามาบริหารประเทศ ได้บริหารเศรษฐกิจไทยล้มเหลว เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยตลอด 8 ปีเพียง 1% กว่าๆเท่านั้น จึงทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าล้นเกิน พล.อ.ประยุทธ์จึงควรเจรจาชะลอการผลิตไฟฟ้าลง ซึ่งสามารถเจรจาชะลอการผลิตได้ ซึ่งความจริงการเซ็นสัญญา 5,000 เมกกะวัตต์ เกิดในสมัยพลเอกประยุทธ์ ซึ่งสามารถเจรจาต่อรองได้
และยังมีการอนุมัติใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเกือบ 5,000 เมกกะวัตต์ ยิ่งทำให้กำลังไฟฟ้าที่ล้นมากขึ้น และจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นอีก ซึ่งพลเอกประยุทธ์น่าจะต้องชี้แจงว่าอนุมัติไปได้อย่างไรทั้งที่กำลังผลิตไฟฟ้าล้นแล้ว
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชัดเจนว่าจะลดราคาไฟฟ้าทันทีที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยจะเข้าไปแก้ไขโครงสร้างราคาไฟฟ้า โดยเฉพาะ การปรับค่า FT การปรับต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถทำได้ทันที