"หากถามว่าอนาคตประเทศไทยจะไปยังไง เรามองว่า ควรเริ่มจากการ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” จึงจะร่วมกันแก้ปัญหาได้" ว่าที่ร้อยตำรวจเอก(ร.ต.อ.) หญิงอัยรดา บำรุงรักษ์”กล่าว
ว่าที่ร.ต.อ.อัยรดา บำรุงรักษ์” หรือ “ครูเบียร์” ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา พระโขนง พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) หนึ่งในผู้สมัคร ส.ส. หน้าใหม่ที่ถูกจับตามอง หลังประกาศเปิดตัว “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค รทสช. พร้อมกับเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ เพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.66
“ว่าที่ร.ต.อ.หญิงอัยรดา” เกิดวันที่ 5 สิงหาคม 2529 ปัจจุบันอายุ 36 ปี เป็นลูกสาวของ “นายคำรณ บำรุงรักษ์” อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางนา 4 สมัย และเป็นอดีตรองสภากรุงเทพมหานคร
ว่าที่ร.ต.อ.หญิงอัยรดา จบมัยธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสอบเข้าเรียนต่อจนจบ ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโทด้านกฎหมายที่ King's College London ประเทศอังกฤษ ขณะที่ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาเอกด้านกฎหมายที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ว่าที่ร.ต.อ.หญิงอัยรดา บำรุงรักษ์กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตนได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลังจากเป็นอาจารย์ที่นั่นมาเกือบ 3 ปี เพื่อเข้าสู่เส้นทางการเมืองตามคำชักชวนของคุณพ่อ และตามปณิธานของตัวเอง ที่ต้องการทำงานช่วยเหลือสังคม ผ่านการศึกษา เพราะเชื่อว่า การที่จะสร้างชาติได้ต้องสร้างคนเป็น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นครูสอนหนังสือ
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเห็นว่า ยังจำกัดเฉพาะบุคคลที่มีโอกาสได้สอน แต่ถ้ามีโอกาสทางการเมืองเข้ามา ประกอบกับได้เห็นคุณพ่อทำงานไว้แล้ว จึงเป็นอุดมการณ์สะสมมาโดยตลอด เมื่อจังหวะมาถึง และมีโอกาสจึงคว้าไว้เพื่อจะได้ทำประโยชน์ในวงกว้าง
“ถามว่าพ่อชักชวนโดยตรงไหม คงไม่ได้มีมาบอกว่า ลูกต้องมาเป็นสิ่งนี้นะ แต่พ่อแค่อยากให้เราทำสิ่งที่เรามีความสุข พ่อก็รู้ว่าเราชอบสอนหนังสือ ชอบงานที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคม ซึ่งสะสมเรื่อยมา บวกกับมีจังหวะ ทางพรรคหาผู้สมัครอยู่ และมีโอกาสที่ว่าจะใกล้เลือกตั้งแล้ว พ่อจึงสอบถามว่าสนใจหรือไม่ ส่วนหนึ่งในฐานะว่าเราเป็นลูก แต่ส่วนหนึ่งคือพ่อเห็นในกิจกรรมที่เราทำ ฉะนั้น พ่อจึงส่งเสริม และชักชวนเข้ามา”
“ว่าที่ร.ต.อ.หญิงอัยรดา”เล่าว่า ตนเองยังมีเรื่องที่อยากเข้าไปพัฒนา และดูแล หากได้รับโอกาสเข้าไปเป็น ส.ส. ในเขตที่ลงสมัครเลือกตั้ง ได้แก่ การผลักดันในเรื่องสวัสดิการของเด็ก สตรี และคนชรา เนื่องจากเราเจอ เราผูกพัน และเห็นมาโดยตลอด รวมทั้งเมื่อลงพื้นที่ เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เรื่องการศึกษา โอกาส และอาหารกลางวัน ต้องการพัฒนา ตามที่เราเคยกล่าวไว้ว่า การสร้างชาติต้องเริ่มจากการสร้างคน
ส่วนสตรีนั้น อยากจะเสริมโอกาสให้กับผู้หญิงเพิ่มเติม เช่น แม่ค้า เมื่อไปขายของในตลาด สิ่งที่เขากังวลคือ การเดินทางกลับในช่วงกลางคืน ซึ่งแสงสว่างอาจไม่เพียงพอ หรือสตรีบางท่านที่เป็นคุณแม่ หรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ยังมีความต้องการสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร หรือสิทธิสวัสดิการจากรัฐเพิ่มเติม รวมทั้งสวัสดิการในการดูแลผู้สูงอายุด้วย
ทั้งนี้ หากต้องแยกเขตระหว่างบางนา และพระโขนงนั้น ในส่วนของเขตบางนา อยากผลักดันเรื่องโรงพยาบาล เพราะเป็นเรื่องที่ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลในเขตบางนา ยังไม่สามารถรับแอดมิดคนได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากจะต้องไปหาโรงพยาบาลที่รับแอดมิดได้ จะต้องนั่งรถไปไกลถึงอ่อนนุช นโยบายของพรรคก็มีหลายส่วนที่นำมาตอบโจทย์ เช่น การปรึกษาแพทย์ได้ 24 ชั่วโมง เป็นต้น
ส่วนเขตพระโขนงนั้น อยากพัฒนาพื้นที่สาธารณะ ไม่ได้จำกัดเฉพาะพื้นที่สีเขียว แต่ทุกคนอยากได้พื้นที่ให้ทุกคนมีโอกาสมาทำกิจกรรมร่วมกันในของทุกเพศทุกวัย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งส่วนในการก้าวข้ามความขัดแย้ง
“สมัยเด็กๆ อายุ 14-15 ปี เราก็ได้ไปทำกิจกรรมที่สลัมคลองเตยแล้ว และเราไปทุกที่ เพราะเชื่อว่าคนคนหนึ่งที่จะเรียนรู้ปัญหาได้ ไม่ได้จำกัดอยู่ในเขตพื้นที่ วันนี้ที่ลงสมัครเขตบางนา พระโขนง เราไม่ได้มองว่าเรามาเป็นตัวแทนบางนา พระโขนง ซึ่งในหลักการก็ใช้การยึดพื้นที่ แต่ในชีวิตผู้คนเราปฏิเสธไม่ได้เพราะเราเกี่ยวข้องกับส.ส.หลายคน”
สำหรับมุมมองของอนาคตการเมืองไทยนั้น มองว่า ประเทศไทยจะไปต่อได้ จุดเริ่มต้นจะต้องไปในทิศทางที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้น จะไปต่อไม่ได้ โดยช่วงหนึ่งจะเห็นสโลแกนของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ “ประเทศไทยต้องไป” และ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”
"การทำต่อในสิ่งที่อนาคตจะไปทางไหนต้องขึ้นอยู่กับปัจจุบันแล้วว่าอดีตเราเคยผ่านอะไรมา บางเรื่องต้องก้าวข้ามผ่าน ซึ่งวันนี้เราเรียนรู้จากอดีต อะไรที่ทำแล้วดี เราก็จะได้ทำต่อ เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนประเทศไปในอนาคต"ว่าที่ร.ต.อ.หญิงอัยรดากล่าวทิ้งท้าย