บิ๊กป้อม เคาะต่อพรก.ฉุกเฉิน จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 3 เดือน

25 พ.ค. 2566 | 04:34 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ค. 2566 | 04:45 น.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประชุม กบฉ. ขยายเวลา พรก.ฉุกเฉิน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่ออีก 3 เดือน สิ้นสุด 19 กันยายน 2566 เป็นครั้งที่ 72 คงความต่อเนื่อง สันติสุข และความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2566 ได้เห็นชอบให้เสนอ ครม.พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหโกลก ,อ.แว้ง ,อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง ,อ.มายอ ,อ.ไม้แก่น ,อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง ,อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มิถุนายน 2566 และสิ้นสุด 19 กันยายน 2566 เป็นครั้งที่ 72

ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เป็นการป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต่อไปด้วย

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้รับทราบผลการปฏิบัติงานตาม พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วง 20 มีนาคม -15 พฤษภาคม 2566 และแนวโน้มสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความสงบเรียบร้อย มากขึ้นตามลำดับ และสามารถพัฒนาไปสู่การปรับลดพื้นที่ออกจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯได้มากขึ้นในโอกาสต่อไป

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) แผนการปฏิบัติการปรับลดพื้นที่การประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ปี 2566-2570) ตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เสนอเพื่อให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบ และใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานในพื้นที่ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวก ให้ประชาชนห้วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ด้วยดี พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพลและเจ้าหน้าที่ทุกนายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ และกล้าหาญ เพื่อประเทศชาติและประชาชนได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และขอบคุณประชาชนในพื้นที่ ที่ได้ให้ความร่วมมือ ร่วมใจกับภาครัฐ เป็นอย่างดียิ่ง นำมาซึ่งความสันติสุข ร่มเย็นเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเจริญรุ่งเรือง อย่างยั่งยืน ต่อไป