ถึงมือ กกต. “ศรีสุวรรณ” ยื่นสอบยุบ 3 พรรคการเมืองเอี่ยวแบ่งแยกดินแดนใต้

16 มิ.ย. 2566 | 05:52 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มิ.ย. 2566 | 06:02 น.

ถึงมือ กกต. “ศรีสุวรรณ”ยื่นสอบยุบ 3 พรรคการเมืองอีแอบอยู่เบื้องหลัง ยุขบวนการนักศึกษาทำประชามติแบ่งแยกดินแดนใต้

วันนี้ (16 มิ.ย. 66) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินได้ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรค 3 พรรคการเมือง กรณีพบว่ามีกรรมการบริหารพรรค หรือ พรรคการเมือง มีพฤติการณ์สนับสนุนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังขบวนการนักศึกษาที่จัดกิจกรรมเปิดตัวเมื่อ 7 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีการจัดทำประชามติแบ่งแยกดินแดน อันขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามที่แม่ทัพภาค 4 และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) แถลงไปเมื่อวันก่อน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ภายในงานปรากฏ โดยชัดแจ้งว่ามีการทำแบบสำรวจความคิดเห็นอย่างง่าย ระบุข้อความว่า “คุณเห็นด้วยกับ สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” และมีช่องให้ใส่เครื่องหมาย ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย 

โดยในเอกสารที่ทำคล้ายๆ บัตรลงคะแนน หรือบัตรลงประชามติ มีหมายเหตุตอนท้ายว่า ใช้กับชาวปาตานีผู้ที่ลงทะเบียนว่า “อาศัยอยู่ถาวรในพื้นที่ปาตานี หรือ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.สงขลา เฉพาะ อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย”

พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าว ลำพังขบวนนักศึกษาไม่อาจทำได้ หากไม่มีนักการเมือง หรือ พรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการละเมิดต่อหลักกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดน ที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 1 ที่บัญญัติไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้”

 

ทั้งนี้ ความผิดตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดโทษสำหรับบุคคลธรรมดา แต่มีบทลงโทษสำหรับพรรคการเมือง ที่จะถูกยุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารได้ ตามมาตรา 92(2)(3) หากพิสูจน์ได้ว่า มีพรรคการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ สนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

                             ถึงมือ กกต. “ศรีสุวรรณ” ยื่นสอบยุบ 3 พรรคการเมืองเอี่ยวแบ่งแยกดินแดนใต้

ส่วนบุคคลธรรมดาหากอยู่เบื้องหลัง อาจต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักร หรือ ส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ เพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต 

กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และของแผ่นดิน องค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ จึงได้นำพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว และคลิปวิดีโอการปราศรัยของผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องมามอบให้ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อดำเนินการไต่สวนวินิจฉัยเอาผิดพรรคการเมือง ที่เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังขบวนนักศึกษาโดยเร็ว 

รวมทั้งต้องรีบแจ้งให้ผู้บริหารพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องได้ยุติการกระทำดังกล่าวเสียก่อน ตาม มาตรา 22 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560  แล้วค่อยเสนอศาลรัฐธรรมนูญ ลงดาบตาม มาตรา92(2)(3) ตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป 

“ขอให้ กกต. นำพรรคการเมืองที่เป็นอีแอบที่อยู่เบื้องหลังของนักศึกษาเหล่านั้นมาลงโทษตามกระบวนการ ไม่ขอบอกว่าเป็นพรรคการเมืองใด แต่ในคำร้องจะมีอยู่ และคิดว่าทุกคนคงจะรู้ว่า ใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังตามที่แม่ทัพภาค 4 และเลขาฯ สมช.ได้พูดไว้  ซึ่งวันนี้ได้นำคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว คลิปปราศรัยของผู้นำ แกนนำ และพรรคการเมืองที่ปราศรัยในช่วงหาสียงเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องการแบ่งแยกดินแดนมาให้ กกต.” 

เมื่อถามว่าการมายื่น กกต.วันนี้เป็นการรับลูกของกองทัพหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เราทำหน้าที่คนละส่วนกัน เราทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ  รวมทั้งเกี่ยวกับการปกป้องสถานบันที่รักของเราด้วย ส่วนการดำเนินคดีตนได้ไปแจ้งความกับ ผู้บัญชาการสอบสวนกลางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเราต่างคนต่างทำหน้าที่ และไม่ได้รับลูกจากใคร