รายงานกรณีการถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า เป็นไปตามคำสั่งศาลฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของบิดา และได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของบิดาให้รับโอนหลักทรัพย์คือ หุ้น ITV เป็นกองมรดกถือครองไว้แทน แม้ปัจจุบัน นายพิธา แจ้งว่า ได้โอนหุ้น ITV ให้ทายาทอื่นแทนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2566
ล่าสุด สำนักข่าวอิสรา รายงานว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลเอกสารประกอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายพิธา ในช่วงเข้ารับตำแหน่งเป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เกี่ยวกับข้อมูลคำสั่งศาลการเป็นผู้จัดการมรดก และการถือครองหุ้น ไอทีวี ของ นายพิธา พบว่า นายพิธา ยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนเป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2562
ต่อมาได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการยื่นเพิ่มเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 และยื่นเพิ่มอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม 2562
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งศาลที่ให้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก ปรากฏอยู่ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 มีรายละเอียดดังนี้
นายพิธา ได้ให้เหตุผลในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน เพิ่มเติมว่าเพราะต้องตรวจสอบข้อมูล เนื่องจากทรัพย์สินบางส่วนได้รับจากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงเพิ่งได้รับทราบข้อมูล และต้องตรวจสอบข้อมูล เพราะไม่ได้บริหารกิจการมา 3 ปี จึงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของเอกชนได้ จึงทำให้ล่าช้าอีกทั้งเอกสารบางส่วนสูญหายต้องทำเรื่องขอจากสถาบันการเงิน ต้องใช้เวลาค้นหาและตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง
สำหรับเอกสารเกี่ยวกับเงินลงทุนนั้นมีการระบุไว้ 3 รายการ ประกอบด้วย
โดยหุ้นทั้ง 3 รายการ ระบุว่า ได้หุ้นมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556
ทั้งนี้ นายพิธา ได้ระบุในหมายเหตุว่า ใน ลำดับที่ 1-3 การถือครองหุ้นดังกล่าว เป็นการถือครองแทนทายาทในฐานะผู้จัดการมรดกของบิดา
ส่วนรายละเอียดการเป็นผู้จัดการมรดกนั้น นายพิธา ได้แนบคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีเนื้อหาในเอกสารดังนี้
ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ วันที่ 16 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ความแพ่ง ระหว่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ร้อง เรื่องขอตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ตาย การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยศาลประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ทางไต่สวนผู้ร้องนำสืบฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ตามเอกสาร ร.1 ทายาททั้งหมดปรากฏตามบัญชีเครือญาติ ร.5 ผู้ตายถึงแก่คววามตายเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 ตามเอกสาร ร.3 ก่อนตายผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ (ข้อมูลปกปิด) ถนนวานิช 1 แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครตามเอกสาร ร.4 ผู้ตายมีทรัพย์มรดกปรากฏตามบัญชีทรัพย์ ร.6 ซึ่งไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้
การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ไม่สามารถแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทได้ จึงมาร้องขอเป็นคดีนี้ โดยทายาทคนอื่นให้ความยินยอมแล้ว ตามเอกสาร ร.7 ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ บุคคลวิกลจริต และบุคคลล้มละลาย
พิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย และผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ทั้งได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว เห็นสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
จึงมีคำสั่งตั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้จัดการมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ลงวันที่ 16 มีนาคม 2550
ขณะที่เอกสารเกี่ยวกับกรณีถือครองหุ้นไอทีวี ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. คือ หนังสือรับรอง บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุข้อมูลว่า
หนังสือรับรองฉบับนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขอรับรองว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับทางบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2546 โดยมีทรัพย์สินและหลักทรัพย์ฝากไว้กับทางบริษัทฯ คงเหลือ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ดังต่อไปนี้
1.บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวนหุ้น 42,000 หุ้น ราคาตลาด 1.05 บาท มูลค่าตามราคาตลาด 44,100 บาท
หนังสือรับรองฉบับนี้ ออกให้ ณ วันที่ 25 กันยายน 2562